บริการรับฝากขาย-เช่าที่ดิน บ้าน คอนโด ทำโฆษณาให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โทร 094-6561965

เทรนด์อสังหาแนวสูงยอดฮิตสุด



นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ที่พักอาศัยแนวสูงหรือคอนโดมิเนียมยังคงมีกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะปี 2555 ที่ผ่านมา นับเป็นปีทองของตลาดคอนโดมิเนียม โดยมีห้องชุดเข้าสู่ตลาดจำนวน 64,835 ยูนิต เพิ่มขึ้นถึง 45% จากปี 2554 เป็นผลมาจากการที่ผู้ประกอบการทยอยเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มีการขยายตัวและมีกาลังซื้อสูงขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยประเมินว่า ตลาดคอนโดมิเนียม ปี 2556 จะยังมีทิศทางเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ามีโครงการใหม่เตรียมเข้าสู่ตลาดไม่น้อยกว่า 90 โครงการ หรือราว 60,000 ยูนิต

ทั้งนี้ จากการสำรวจตลาดคอนโดมิเนียม ปี 2555 ของฝ่ายวิจัยและพัฒนา พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ใน 8 พื้นที่ (ยกเว้นพื้นที่รอบนอก เช่น พื้นที่ นนทบุรี, มีนบุรี, รามคำแหง) มีการเปิดใหม่สูงขึ้นถึง 24% มาอยู่ที่ 59,009 ยูนิต สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่ยังคงมองหาที่อยู่อาศัยในลักษณะห้องชุดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่ที่ขยายตัวได้ดีจะอยู่บริเวณแนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก เช่น พื้นที่ธนบุรี เติบโต 126% มาอยู่ที่ 8,072 ยูนิต และพื้นที่สุขุมวิทรอบนอก เติบโต 56% มาอยู่ที่ 17,487 ยูนิต เป็นต้น ส่วนยอดขายห้องชุด พบว่ามีการตอบรับสูงถึง 37,127 ยูนิต เพิ่มขึ้นถึง 47% จากปี 2554 นับเป็นการทำยอดขายที่มีสถิติสูงสุดในรอบ 8 ปี ที่ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้ทำการสำรวจ แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของตลาดคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นผลมาจากเทรนด์ที่พักอาศัยแนวสูงซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการ ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทำให้กำลังซื้อปรับตัวสูงขึ้นรองรับโครงการเปิดใหม่ที่เปิดตัวอย่างหนาแน่นได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าพื้นที่ธนบุรีเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่าพื้นที่อื่นๆ คือ การที่บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ สามารถทำการปิดการขายโครงการดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท ราชพฤกษ์-จรัญฯ 13 จำนวน 586 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,030 ล้านบาท ได้อย่างรวดเร็ว


เครดิต: นสพ.บ้านเมือง

PR ขายทาวน์เฮาส์ พฤกษา25 ซอยกันตนา อ.บางใหญ่ นนทบุรี

(ขายแล้ว) ขายทาวน์เฮ้าส์ 24 ตรว. 

พฤกษา25 ซ.กันตนา บางใหญ่ นนทบุรี 



























สถานที่ตั้งทรัพย์สิน :
ประเภททรัพย์สิน
ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น
โครงการหมู่บ้าน
พฤกษา25
ซอย / ถนน
ซ.กันตนา ถ.บางใหญ่-บางคูลัด  
แขวง/เขต
บางแม่นาง    บางใหญ่
จังหวัด
นนทบุรี
ขนาดและพื้นที่ :
ขนาด
     100   ตารางเมตร
เนื้อที่
     0  ไร่    0  งาน   23.9  ตารางวา
รายละเอียด / จุดสนใจ

ทาวน์เฮ้าส์ตกแต่งทำใหม่ (หลังมุม)   มี  3ห้องนอน   2ห้องน้ำ  1แอร์   1ห้องครัว จอดรถได้ 2 คัน มีพื้นที่บริเวณด้านข้างบ้านจัดสวนให้ความร่มรื่น ตัวบ้านสภาพสวย หันหน้าทางทิศเหนือ ถนนในหมู่บ้านกว้างขวาง

ทำเลที่ตั้ง :  ซ.กันตนา ถ.บางใหญ่-บางคูลัด,ถ.กาญจนาภิเษก                                            
ใกล้เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์,บิ๊กซี,รพ.เกษมราษฎร์,


ราคาขาย   1,200,000.-


สนใจสอบถามเพิ่มเติม

ภาวิช (เมย์) ตะรุวรรณ  
บริการรับ ฝากขาย-ฝากเช่า คอนโด บ้าน ที่ดิน 
โทร.0958646669




10 บิ๊กอสังหา "แลนด์"แชมป์



10บิ๊กอสังหากำไรท่วม2.39หมื่นล.
เทียบฟอร์มเม็ดเงิน"แลนด์"แชมป์-"แสนสิริ"อันดับ3

อานิสงส์มาตรการลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 23% ท็อปเทนบริษัทอสังหาฯในตลาดหุ้นกำไรสุทธิอู้ฟู่รวมกัน 2.39 หมื่นล้านบาท "แลนด์ฯ" รั้งแชมป์กำไรสูงสุดกว่า 5.5 พันล้าน "แสนสิริ" ที่ยอดรับรู้รายได้โตพรวด 3 หมื่นล้านบาทเศษ แต่กำไรสุทธิสอยอันดับ 3 "ศุภาลัย" เจ๋งทำสัดส่วนกำไรสุทธิต่อยอดรับรู้รายได้สูงสุดที่ 23.5% ส่วน "เพอร์เฟค" รับรู้ผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนสกีรีสอร์ต-โรงแรมที่ญี่ปุ่น รั้งอันดับ 10

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจผลประกอบการปี 2555 ของ 10 บริษัทพัฒนาที่ดินในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มียอดรับรู้รายได้สูงสุด 10 อันดับแรก มีกำไรสุทธิรวมกัน 23,967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% ปัจจัยมาจากนโยบายปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23%

ขณะเดียวกัน ยังพบสถิติที่น่าสนใจว่า บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ถึงแม้มียอดรับรู้รายได้เป็นอันดับ 3 รองจาก บมจ.แสนสิริ และ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท คือ 24,432 ล้านบาท แต่กลับครองความเป็นแชมป์บริษัทอสังหาฯ ที่มีผลกำไรสุทธิประจำปีสูงสุดคือ 5,540 ล้านบาท และมีสัดส่วนกำไรสุทธิต่อยอดรับรู้รายได้ถึง 22.6%

"แสนสิริ" เม็ดเงินอันดับ 3


สำหรับ บมจ.แสนสิริ ที่มีผลประกอบการปี 2555 เติบโตก้าวกระโดด โดยเฉพาะไตรมาส 4/2555 มียอดรับรู้รายได้รวม 14,073 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,819 ล้านบาท จนสามารถแซงหน้าคู่แข่งอย่างพฤกษาฯ และแลนด์ฯ ขึ้นมาเป็นแชมป์บริษัทอสังหาฯ ที่มียอดรับรู้รายได้สูงสุดของปี 2555 คือ 30,087 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในแง่ผลกำไรสุทธิยังคงเป็นอันดับ 3 ทำได้ 3,019 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนอัตรากำไรสุทธิต่อยอดรับรู้รายได้ที่ประมาณ 10% ขณะที่ บมจ.พฤกษาฯ มีกำไรสุทธิและยอดรับรู้รายได้เป็นอันดับ 2 คือ 3,892 ล้านบาท และ 27,141 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นสัดส่วนอัตรากำไรสุทธิต่อยอดรับรู้รายได้ที่ 14.3%

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีเป้าหมายทำสัดส่วนอัตรากำไรสุทธิต่อยอดรับรู้รายได้ที่ 12% แต่เมื่อไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเปรียบเทียบผลกำไรสุทธิกับผู้ประกอบการรายอื่นในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่สิ่งที่เน้นคือการทำให้แสนสิริเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค พัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ

"เรื่องกำไรสุทธิเราก็พยายามเข็นให้สูงขึ้น แต่ไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะผมไม่สนใจว่ากำไรสุทธิจะนำมาอ้างอิงที่หนึ่ง แต่ที่ผมสนใจคือลูกค้า เพราะลูกค้าที่ซื้อบ้านหรือคอนโดฯ ไม่สนใจว่าแต่ละปีบริษัทจะกำไรมากหรือกำไรน้อย" นายเศรษฐากล่าว

"ศุภาลัย" คุมต้นทุนอยู่หมัด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจ บมจ.ศุภาลัย มีผลกำไรสุทธิ 2,743 ล้านบาท มียอดรับรู้รายได้ 11,649 ล้านบาท ถือว่าเป็นบริษัทที่มีสัดส่วนอัตรากำไรสุทธิต่อยอดรับรู้รายได้ในปี 2555 สูงที่สุดถึง 23.5% นั่นหมายความว่ามีขีดความสามารถควบคุมต้นทุนได้ดี ทั้งที่มียอดรับรู้รายได้ปี 2555 ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 13,500 ล้านบาท

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ผลงานของศุภาลัยเกิดจาก 4 ปัจจัย 1) ภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ปรับลดลง 2) ควบคุมค่าใช้จ่ายและงบฯการตลาดได้ดี 3) รายได้จากอสังหาฯให้เช่า ได้แก่ โรงแรมและอาคารสำนักงานปรับตัวดีขึ้น และ 4) ยอดขายที่เติบโตต่อเนื่อง ทำให้มีต้นทุนการพัฒนาบ้าน-คอนโดมิเนียมต่อหน่วยลดลง โดยปี 2555 กลุ่มศุภาลัยทำยอดขายรวม 23,400 ล้านบาท เกินเป้าประมาณ 2,000 ล้านบาท

"แนวโน้มอัตรากำไรสุทธิในปีนี้คงไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่ารัฐบาลจะลดอัตราภาษีเงินได้ฯ จาก 23% เหลือ 20% แต่ต้นทุนค่าก่อสร้างน่าจะปรับขึ้น 5%"

"เพอร์เฟค" กำไรหล่น


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับบริษัทอสังหาฯอีก 6 รายที่เหลือ มีผลกำไรสุทธิในปี 2555 ลดหลั่นกันตั้งแต่ 233-2,399 ล้านบาท ได้แก่ 1) บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ (คิวเฮ้าส์) มีกำไรสุทธิ 2,399 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 16.6% จากยอดขายรับรู้รายได้ 14,409 ล้านบาท 2) บมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (เอพี) มีกำไรสุทธิ 2,329 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13.4% จากยอดรับรู้รายได้ 17,310 ล้านบาท 3) บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ มีกำไรสุทธิ 2,216 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 16.6% จากยอดรับรู้รายได้ 13,325 ล้านบาท

4) บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น มีกำไรสุทธิ 1,101 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13.1% จากยอดรับรู้รายได้ 8,358 ล้านบาท 5) บมจ.ไรมอนแลนด์ มีกำไรสุทธิ 495 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9% จากยอดรับรู้รายได้ 5,519 ล้านบาท และ 6) บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค มีกำไรสุทธิ 233 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.6% จากยอดรับรู้รายได้ 8,818 ล้านบาท

นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีผลกำไร 233 ล้านบาท ตลอดปี 2554 สาเหตุมาจากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่เข้าไปลงทุนธุรกิจโรงแรมและสกีรีสอร์ตที่เมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม หากนับเฉพาะผลประกอบการจากการดำเนินธุรกิจในประเทศ บริษัทมีผลกำไรสุทธิปี 2555 กว่า 310 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย


ที่มา:prachachat.net

ธุรกิจ อพาร์ทเมนท์อ่วม ! คอนโดฯเบียด



ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจทีเอ็มบีมองแนวโน้มธุรกิจอพาร์ทเมนท์อ่วม!
เจอคอนโดฯเบียด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ภายใต้การเร่งตัวที่มากขึ้นของสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมา ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยยังถือว่ามีความเสี่ยง โดยข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยแสดงให้เห็นว่า สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ต่อสินเชื่อรวม ณ ปลายปี 2555 ที่อยู่ที่ 5.4% สูงเป็นอันดับสองรองจากธุรกิจก่อสร้าง และสูงกว่าสัดส่วน NPLs ต่อสินเชื่อรวมของประเทศอยู่สองเท่า อีกทั้งยังสูงกว่าภาคธุรกิจอื่นๆ เช่น ภาคอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วน NPLs เป็น 4.5% ต่อสินเชื่อ และการพาณิชย์ที่ 2.3% เป็นต้นศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีหรือ TMB Analytics รายงานว่า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังค่อนข้างนิ่ง และมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ทำให้การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นที่ดึงดูดใจจากภาระต้นทุนกู้ยืมของผู้ประกอบการที่อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับในอดีต และผู้บริโภคเองก็มีความสามารถในการกู้ยืมมากขึ้น จึงสนับสนุนให้สินเชื่อในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตกว่า 10% ในปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ยอดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตในระดับสองหลักในปี 2555 นั้น ธุรกิจอาคารชุดพักอาศัย และอาคารแฟลตเพื่อขาย หรือที่เรียกรวมง่ายๆ ว่า “ธุรกิจคอนโด” มีส่วนแบ่งถึง 13% ซึ่งใกล้เคียงกับ “ธุรกิจอพาร์ทเม้นท์” เพื่อเช่า(นับรวมเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์แบบที่ให้บริการครบวงจร)ที่มีสัดส่วนสินเชื่อคิดเป็น 12%

หากพิจารณาลงไปในรายธุรกิจของภาคอสังหาริมทรัพย์ จะพบว่า ธุรกิจอาคารชุดมีสัดส่วนสินเชื่อที่ชำระตรงตามกำหนดสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภาคอสังหาริมทรัพย์ สะท้อนให้เห็นว่าสินเชื่อที่ให้กับธุรกิจคอนโดยังมีคุณภาพดีกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม แต่ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจอพาร์ทเม้นท์กลับมีสินเชื่อดีอยู่ที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งสัญญาณความเสี่ยงในกลุ่มธุรกิจดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้นยังพบอีกว่าสินเชื่อที่เริ่มส่งสัญญาณมีปัญหาแต่ยังไม่เป็น NPLs ของธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ มียอดค้างเป็นเกือบสองเท่าของยอด NPLs ซึ่งหมายความว่า มีสินเชื่อของธุรกิจอพาร์ทเม้นท์จำนวนมากที่อาจพัฒนาไปเป็นหนี้เสียได้ในอนาคต โดยสินเชื่อเหล่านี้เป็นสินเชื่อของผู้ประกอบการรายย่อยเกือบทั้งสิ้น ประเด็นดังกล่าวสะท้อนถึงปัญหาสภาพคล่อง (การชำระล่าช้า)ของผู้ประกอบการรายย่อย ที่แม้ยังมีความตั้งใจที่จะผ่อนชำระแต่ไม่สามารถหมุนเงินได้ทัน

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจอพาร์ทเม้นท์มีแนวโน้มเสี่ยงมากขึ้น เป็นเพราะภายใต้ภาวะที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มทรงตัวและอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ทำให้ค่างวดผ่อนรายเดือนไม่ต่างจากค่าเช่ามาก ผู้บริโภคจึงมีแรงจูงใจที่จะซื้อเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโดมิเนียมส่วนตัว มากกว่าที่จะเช่าอพาร์ทเม้นท์เพื่อพักอาศัย อีกทั้งคนในยุค Gen-Y ที่มีนิยมความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต อาจมองว่าการพักในคอนโดตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ดีกว่า เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง เช่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ที่ทันสมัยกว่าในอพาร์ทเม้นท์ อีกทั้งให้อิสระของความเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเรื่องตกแต่งหรือการใช้สอย แม้แต่ตามหัวเมืองต่างจังหวัด ก็ได้เห็นโครงการอาคารชุดผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด สะท้อนความเป็นเมือง (Urbanization) ที่กระจายไปตามต่างจังหวัดชัดเจนมากขึ้นเป็นลำดับ นอกจากนี้ การเปิด AEC ในปี 2558 ทำให้เกิดพรมแดนเสรีทางด้านการค้าการลงทุน จะนำไปสู่การเปิดประตูให้ต่างชาติสามารถเข้ามาพำนักหรือทำธุรกิจในไทยได้สะดวกขึ้น จึงไม่น่าแปลกที่มองไปทางไหนก็ล้วนแต่เห็นโครงการอาคารชุดอยู่เต็มไปหมด

สุดท้าย เห็นได้ว่าถึงแม้สินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะธุรกิจอพาร์ทเม้นท์จะยังไม่ส่งสัญญาณหนี้เน่าจนน่าเป็นกังวล แต่คงปฎิเสธไม่ได้ว่าสัญญาณความเสี่ยงในธุรกิจนี้มีการปรับตัวสูงขึ้น เช่น การเร่งตัวของราคาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะฟองสบู่ ก็จัดเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ ธปท.ประเมินว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ “ต้องเฝ้าติดตาม” ในขณะที่การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของอุปทาน ก็อาจนำไปสู่ภาวะปริมาณที่อยู่อาศัยล้นตลาดได้ ด้านผู้ประกอบการเองก็คงต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงขอสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ เช่น แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย และมองไปยังพฤติกรรมผู้บริโภคที่เกี่ยวเนื่องกับการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัย ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดในอนาคต เพื่อที่จะสามารถปรับกลยุทธ์รับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที

ที่มา:bangkokbiznews.com

ERA ขาย/เช่า บ้านเดี่ยว หมู่บ้านนันทวัน ศรีนครินทร์ ถ.ศรีนครินทร์ ใกล้ทางด่วนบางพลี-สุขสวัสดิ์ สวย สุดหรู ทำเลดี


ขาย/เช่า  บ้านเดี่ยว 2 ชั้น  ม.นันทวัน ศรีนครินทร์ กว้างขวาง ร่มรื่น โครงการติดถนนศรีนครินทร์ 












































สถานที่ตั้งทรัพย์สิน :
ประเภททรัพย์สิน
บ้านเดี่ยว 2 ชั้น
โครงการหมู่บ้าน
นันทวัน  ศรีนครินทร์
ซอย / ถนน
ศรีนครินทร์
แขวง/เขต
บางเมือง    เมือง
จังหวัด
สมุทรปราการ
ขนาดและพื้นที่ :
ขนาด
     0  ตารางเมตร
เนื้อที่
     0  ไร่    0  งาน  301  ตารางวา
พื้นที่ใช้สอย :
ห้องนอน
 5 ห้อง
ห้องน้ำ
 3 ห้อง
ห้องรับแขก
 1 ห้อง
ห้องทานอาหาร
 1 ห้อง
ห้องเอนกประสงค์
 1 ห้อง
ห้องครัว
 1 ห้อง
ห้องแม่บ้าน
 1 ห้อง
เครื่องปรับอากาศ
 5 - 6  เครื่อง
ที่จอดรถ
 5  คัน
จุดเด่น / จุดสนใจ :

บ้านเดี่ยวหรูภายในบ้านกว้างพื้นที่ใช้สอยเยอะมาก มุมห้องพระ มุมห้องทำงาน มุมอ่านหนังสือส่วนตัว บริเวณรอบบ้านรายล้อมไปด้วยต้นไม้ บรรยากาศร่มรื่น มีมุมจัดเลี้ยงสังสรรค์ มีบ่อปลาจัดสวนสวยมีมุมน้ำตก ลานซักล้างหลังบ้าน ห้องแม่บ้านแยกเป็นสัดส่วน

ภายในโครงการมีรปภ.รักษาความปลอดภัย ทุกซอยในหมู่บ้าน โครงการกว้างสามารถเดิน-วิ่งออกกำลังกายได้สะดวก มีสวนสาธารณะหมู่บ้าน

โครงการตั้งอยู่บนถนนศรีนครินทร์ ใกล้ทางด่วนบางพลี-สุขสวัสดิ์ โลตัสศรีนครินท์ หรือจะไปพักผ่อนกินอาหารทะเลที่บ้านพักตากอากาศบางปู ก็สะดวก

ราคาขาย   30,000,000 .-

สนใจสอบถามเพิ่มเติม หรือ
สอบถามบริการกู้แบงค์  ฟรี !
ภาวิช (เมย์) ตะรุวรรณ  
ERA บริการรับ ฝากขาย-ฝากเช่า คอนโด บ้าน ที่ดิน 
วันนี้ ฟรี ช่วยให้การขายง่ายที่สุด 
โทร. 084 452 4528


รับฝากขายบ้าน, รับฝากขายที่ดิน , eraฝากขายที่ดิน