บริการรับฝากขาย-เช่าที่ดิน บ้าน คอนโด ทำโฆษณาให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โทร 094-6561965

อสังหาเปิดโผทำเลทอง 16 จังหวัดทั่วไทย



เปิดทำเลทองแผนลงทุนอสังหาฯต่างจังหวัด


 ทุนเมืองกรุง 9 บริษัทเสี่ยสั่งลุย จ่อผุด 50 โครงการ กระจายทำเล 16 จังหวัดครบทุกภาค "ศุภาลัย-ซีพีแลนด์" รั้งแชมป์มากสุด "อุบลฯ-นครพนม-หนองคาย-สระบุรี-ราชบุรี-สุพรรณฯ-นครศรีฯ" ติดโผจังหวัดน้องใหม่แห่ชิมลางลงทุนดักเออีซี


ผู้สื่อข่าวสำรวจแผนลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดปี 2557 ของบริษัทพัฒนาที่ดินทั้งรายใหญ่-รายกลาง 9 บริษัทในกรุงเทพฯ อาทิ บมจ.แสนสิริ, บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ หรือคิวเฮ้าส์, บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.ศุภาลัย, บจ.กานดา พร็อพเพอร์ตี้ ฯลฯ พบว่า ถึงแม้ขณะนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง เพราะกำลังซื้อชะลอตัว แต่ดูเหมือนจะเป็นผลกระทบที่โฟกัสเฉพาะตลาดใหญ่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล


ในขณะที่แผนลงทุนในต่างจังหวัดแนวโน้มยังคึกคัก อาจเป็นเพราะได้รับผลกระทบน้อยกว่ากรุงเทพฯ รวมทั้งจังหวัดชายแดนก็ได้รับอานิสงส์จากการนับถอยหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 โดยพบว่าทั้ง 9 บริษัทวางแผนเปิดตัวใหม่รวมกันอย่างน้อย 50 โครงการ ในจำนวนนี้มี 10 จังหวัดที่เป็นพื้นที่การลงทุนต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ชลบุรี ระยอง สุราษฎร์ธานี สงขลา ภูเก็ต และมีอีก 7 จังหวัดใหม่ที่จะเห็นการลงทุนปีนี้ ได้แก่ อุบลราชธานี นครพนม หนองคาย สระบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี และนครศรีธรรมราช

ศุภาลัยรุก 10 โครงการ


จากการสำรวจพบว่า บมจ.ศุภาลัยสรุปแผนล่าสุดเตรียมเปิดตัวโครงการต่างจังหวัดไม่ต่ำกว่า 10-11 โครงการ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ 9-10 โครงการ คอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท โดยเป็นแผนเปิดตัวในจังหวัดที่เข้าไปลงทุนแล้ว 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี ชลบุรี ระยอง สุราษฎร์ธานี สงขลา ภูเก็ต ขณะเดียวกัน มีจังหวัดใหม่ที่ยังไม่เคยเปิดโครงการ 3 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร บมจ.ศุภาลัย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ยอดขาย-ยอดโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯ นอกเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง ล่าสุดจึงเตรียมรุกตลาดต่างจังหวัดเต็มที่

"ทิศทางปีนี้เราเน้นบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ ส่วนคอนโดฯจะลดการลงทุนลง เพราะปีที่ผ่านมา บางจังหวัดมีซัพพลายจำนวนมาก เฉพาะไตรมาสแรก ศุภาลัยจะเปิดในภูมิภาค 3-4 โปรเจ็กต์" นายไตรเตชะกล่าว

คิวเฮ้าส์ลุยเหนือ-ตะวันออก


ส่วน บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ พร้อมรุกตลาดต่างจังหวัดปีนี้ 6 โครงการ ใน 3 จังหวัด คือชลบุรี เชียงราย ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่าขายรวม 6 พันล้าน ได้แก่ 1.โครงการเดอะทรัสต์คอนโด อมตะ-ชลบุรี 2.เดอะทรัสต์คอนโด พัทยาเหนือ 3.คาซ่าคอนโด จ.เชียงราย 4.ทาวน์เฮาส์ใน จ.ชลบุรี 2 โครงการ และ 5.คิวซีไซด์ หัวหิน

แหล่งข่าวจาก บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ กล่าวว่า ปีนี้กลุ่มคิวเฮ้าส์จะรุกตลาดต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยเปิด 6 โครงการ เทียบปีที่แล้วเปิดตัว 2 โครงการ มีเดอะทรัสต์คอนโด พัทยากลาง กับเดอะทรัสต์คอนโด หัวหิน ซอย 5 แผนปีนี้จะเปิดคอนโดฯใน จ.เชียงราย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของบริษัท ตามแผนจะเปิดตัวแบรนด์ "คาซ่าคอนโด" ราคาเริ่มต้น 1-2 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาท เจาะกลุ่มเป้าหมายคนไทยและชาวจีน

"เชียงรายเป็นจังหวัดชายแดนที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัว มีนักลงทุนจีนเข้ามาตั้งโรงงานอบยางพาราเพื่อส่งกลับประเทศ บางส่วนก็ส่งลูกหลานมาเรียนที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในด้านกำลังซื้อ" แหล่งข่าวกล่าว

แสนสิริ-LPN 6 โครงการ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ บมจ.แสนสิริปีนี้ประกาศลดการลงทุนต่างจังหวัด คาดว่าจะเปิดโครงการใหม่เพียง 3 แห่ง เทียบกับปีที่ผ่านมาบุกตลาดต่างจังหวัดถึง 25 โครงการ อาทิ เปิดตัวบ้านเดี่ยวในขอนแก่น, คอนโดฯในพิษณุโลก ฯลฯ เหตุผลที่รุกต่างจังหวัดน้อยลง เนื่องจากแผนลงทุนของรัฐบาล ภายใต้โครงการ 2 ล้านล้าน ยังไม่มีความชัดเจน

ส่วน บมจ.แอล.พี.เอ็น.ฯ เตรียมเปิดคอนโดฯในต่างจังหวัด 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3,000-4,000 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นแผนที่เลื่อนมาจากปีที่ผ่านมา ได้แก่ ชะอำ 2 โครงการ และหัวหิน ซอย 7 อีก 1 โครงการ

ซีพีแลนด์จองหัวเมืองรอง


บมจ.ซีพีแลนด์จะเปิดโครงการในต่างจังหวัด 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคอนโดฯ แบรนด์ "กัลปพฤกษ์" ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 1.1-1.3 ล้านบาท ทำเลที่สรุปแล้ว ได้แก่ หนองคาย นครราชสีมา สกลนคร เชียงใหม่ พิษณุโลก กาญจนบุรี สงขลา เชียงราย โดยมองว่าการเปิดเออีซีจะเป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจต่างจังหวัดขยายตัว

ส่วน บมจ.เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ตั้งเป้าเปิดตัวในต่างจังหวัด 1-2 โครงการ ที่สรุปแล้วคือเชียงใหม่ ซึ่งเพิ่งจะเข้ามาเป็นครั้งแรก เตรียมเปิดขายเป็นทางการกุมภาพันธ์นี้ ทำเลติดถนนซุปเปอร์ไฮเวย์-ฟ้าฮ่าม ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำปิง เฟสแรก 2 อาคาร รวม 150 ยูนิต แบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเริ่ม 30 ตารางเมตร ราคาเริ่ม 1.8 ล้านบาท/ยูนิต

ทั้งนี้จะเห็นว่าตลาดคอนโดฯในเชียงใหม่เริ่มแข่งขันสูง ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจากกรุงเทพฯเข้าไปทำโครงการ อาทิ ควอลิตี้เฮ้าส์, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, แสนสิริ, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ฯลฯ

เพอร์เฟคบุกเมืองท่องเที่ยว


ด้าน บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค มีแผนลงทุนเปิดตัวในต่างจังหวัด 3 โครงการ มูลค่าโครงการ 4,000-5,000 ล้านบาท โดยจะรุกตลาดบ้านเดี่ยว แบรนด์ "เพอร์เฟคเพลส" จ.เชียงใหม่ ราคา 3-4 ล้านบาท ส่วนจังหวัดใหม่ ๆ พบว่ามีที่เขาใหญ่และหัวหิน โดยจะรุกตลาดเขาใหญ่ เปิดโครงการที่ดินจัดสรรเพื่อสร้างบ้านพักตากอากาศ และคอนโดฯ "เบลล่า คอสต้า" เขาเต่า ออกแบบโลว์ไรส์ 1-7 ชั้น 9 อาคาร รวม 325 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.85 ล้านบาท

ขณะที่ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังไม่ได้ประกาศแผนธุรกิจปี 2557 แต่มีข้อมูลว่าเตรียมเปิดตัวโครงการ "สีวลี" จ.เชียงราย ราคา 3.5-10 ล้านบาท กว่า 300 ยูนิต เป็นโครงการที่เลื่อนเปิดตัวจากเดือนพฤศจิกายน 2556 และบจ. กานดา พร็อพเพอร์ตี้ มีแผนเปิดทาวน์เฮาส์อีก 1 โครงการ ในภูเก็ต ยูนิตละ 1.9-2 ล้านบาท

7 จังหวัดใหม่ติดโผลงทุน


พบว่ามีจังหวัดใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีผู้ประกอบการอสังหาฯจากเมืองกรุงเข้าไปลงทุน แต่จะได้เห็นการลงทุนในปีนี้อย่างน้อย 7 จังหวัดด้วยกัน ส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลางและภาคอีสาน ได้แก่ อุบลราชธานี นครพนม หนองคาย สระบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี และนครศรีธรรมราช

โดย "ศุภาลัย" ที่ประกาศตัวว่ามีความถนัดโครงการแนวราบในต่างจังหวัด เตรียมเจาะตลาดบ้านจัดสรรที่อุบลฯ กับนครศรีฯ เป็นครั้งแรก หลังจากศึกษาพื้นที่ 1-2 ปีมาแล้ว พบว่าทั้ง 2 จังหวัดมีศักยภาพ โดยอุบลฯ มีจุดเด่นเป็นจังหวัดชายแดนติด สปป.ลาว เศรษฐกิจจึงขยายตัวได้จาก 2 ส่วน คืออุตสาหกรรม-การค้า และการเกษตร ส่วนนครศรีฯ เป็นจังหวัดที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวดี

ฟาก "ซีพีแลนด์" ปีที่ผ่านมาเปิดตัวอสังหาฯแล้ว 16 จังหวัด สำหรับปีนี้ยังเดินเกมรุกต่อเนื่องในจังหวัดใหม่ ๆ อย่างน้อย 5 แห่ง ได้แก่ นครพนม หนองคาย สระบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี โดยมองว่าพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ในต่างจังหวัดอยากอยู่คอนโดฯ ส่วนหนึ่งซื้อเพื่อทดแทนการเช่าอพาร์ตเมนต์

กลยุทธ์หลักค่าย ซีพีแลนด์ มุ่งกระจายลงทุนหลายจังหวัด เพื่อลดความเสี่ยง เน้นพัฒนาแต่ละโครงการให้มียูนิตจำนวนไม่มาก 100-500 ยูนิต ราคาขาย 1.1-1.3 ล้านบาท โดยเชื่อว่าการเปิดเออีซีจะทำให้เศรษฐกิจต่างจังหวัดขยายตัวได้อีก

ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า อสังหาฯต่างจังหวัดปีนี้มีแนวโน้มคึกคักและสดใสเป็นอย่างยิ่ง


ที่มา: prachachat.net/news_detail.php?newsid=1390230261

PR ขายทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ ศรีวรา ทาวน์อินทาวน์ ลาดพร้าว94 ตกแต่งสวย

ขาย ทาวน์โฮม 30 ตรว ศรีวรา ทาวน์อินทาวน์ ลาดพร้าว94 







































สถานที่ตั้งทรัพย์สิน :
ประเภททรัพย์สิน
ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น
โครงการหมู่บ้าน
ทาวน์อินทาวน์  ซ.16
ซอย / ถนน
ซ.ลาดพร้าว94(ปัญจมิตร)  ถ.ศรีวรา
แขวง/เขต
วังทองหลาง  บางกะปิ 
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
ขนาดและพื้นที่ :
ขนาด
     300   ตารางเมตร
เนื้อที่
     0  ไร่    0  งาน   30  ตารางวา
รายละเอียด / จุดสนใจ

  ขายทาวน์โฮม 3 ชั้น  สภาพพร้อมอยู่ตกแต่งสวยและใหม่มาก เหมาะพักอาศัยหรือทำเป็นออฟฟิศ พร้อมกล้องวงจรปิด 7 ตัว
·         3 ห้องนอน
·         4 ห้องน้ำ
·         2 ห้องรับแขก
·         ห้องนั่งเล่น
·         1 ห้องครัว
·         7 เครื่องปรับอากาศ
·         จอดรถได้ 3 คัน                                                                                
หมู่บ้านติดถนนใหญ่ ออกไปสามารถขึ้นทางด่วนได้ทันที เข้า-ออกได้หลายทาง เช่น ซ.รามคำแหง 39,43/1,53,ลาดพร้าว94,112

โซนทำเลที่ตั้ง :
·         ถ.ศรีวรา (หรือซ.ลาดพร้าว94 ปัญจมิตร)
·         การเดินทางสะดวกใกล้ทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์,ถ.รามคำแหง ซ.วัดเทพลีลา, ถ.ลาดพร้าว
·         ใกล้โรงเรียนบดินทร์เดชา,ร้านอาหารต้นซุง,โรงแรมทาวน์อินทาวน์
·         ใกล้สถานเสริมความงามนายแพทย์กมล,รพ.สัตว์ศรีวรา
·         เดินทางไปยังเส้นเหม่งจ๋าย เข้าสู่ ถ.พระราม9,รัชดาภิเษก ได้สะดวก

ตำแหน่ง google :

 ราคาขาย  9,000,000.-

ต้องการขายบ้าน,ที่ดิน,คอนโด
 ติดต่อ   ภาวิช  ตะรุวรรณ  (เมย์)
PR บริการรับ ฝากขาย-ฝากเช่า คอนโด บ้าน ที่ดิน 
โทร. 084 452 4528
www.facebook.com/prrealestate9654


แนวโน้มทิศทางอสังหาริมทรัพย์ไทย ปี2557

กรุงไทยมองอสังหาปี 57 ปรับราคาซื้อ NPA


ธนาคารกรุงไทยเผยยอดขายทรัพย์ NPA เข้าเป้า คาดทั้งปี 56 ยอดขายทั่วประเทศเฉียด 10,000 ล้านบาท ชี้ทรัพย์ประเภทที่ดินเปล่ายอดขายสูงสุด 35% ของยอดขายทั้งหมด ยืนยันปี 57 แนวโน้มเศรษฐกิจโลกดีขึ้น และภาคอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับราคาขึ้น จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มือสอง ตั้งเป้าปีหน้ายอดขายทรัพย์ทุกประเภทไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท

นายสุชาติ เดชอิทธิรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารกลุ่มทรัพย์สินพร้อมขาย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินการในปี 2556 ว่า ขณะนี้สามารถขายทรัพย์ NPAได้ตามประมาณการ 9,000-10,000 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าได้แก่ ที่ดินเปล่าคิดเป็นร้อยละ 35 ทรัพย์เพื่อประกอบธุรกิจร้อยละ 30 และทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยร้อยละ 25 ของยอดขายทั้งหมด ส่งผลให้ปัจจุบันมีทรัพย์ NPA ลดลงเหลือไม่ถึง 30,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ปัจจัยที่สนับสนุนให้ขายประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี เพราะแผนงานที่สร้างความร่วมมือของหน่วยงาน และสาขาเครือข่ายของธนาคารที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 1,200 หน่วยงาน จึงทำให้มียอดขายที่น่าพอใจและเป็นไปตามเป้าที่กำหนดไว้ 


สำหรับแผนงานในปี 2557 ธนาคารได้กำหนดให้มีการปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการจำหน่ายทรัพย์ NPA โดยจัดทำโครงการ KTB NPA PLUS เพื่อเชิญชวนกลุ่มลูกค้าของธนาคารเข้าร่วมโครงการและการสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของ NPA นอกจากนี้แล้วยังร่วมกับสถาบันการศึกษาเพื่อเปิดโอกาสแก่นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรม ได้พัฒนาทักษะการออกแบบตกแต่งทรัพย์ NPA ในลักษณะภาพ Perspective ให้แก่ลูกค้า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการประสานรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ NPA ของธนาคาร ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ในการนำทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่มีอยู่กลับมาใช้ประโยชน์ให้มีประสิทธิภาพ ลดการสูญเปล่าทางเศรษฐกิจ

นายสุชาติ เปิดเผยเพิ่มเติมถึง แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสองในปี 2557 ว่า NPA ของธนาคารลดลงอย่างรวดเร็วจากประมาณเกือบ 60,000 ล้านบาทในปี 2553-2554 จนปัจจุบันเหลือต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท จากเหตุผลที่การลงทุนใน NPA ยังคงเป็นโอกาสและทางเลือกที่ดี เนื่องจากผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทสามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางด้านพาณิชย์หรือซื้อเพื่อการลงทุน เพราะราคาอสังหาริมทรัพย์ใหม่มีแนวโน้มที่ต้องปรับราคาแพงขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ทรัพย์ NPA ส่วนใหญ่เป็นต้นทุนเดิม นอกจากนี้แล้วแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจโลกมีการปรับตัวดีขึ้นจากวิกฤตที่เริ่มผ่อนคลายลง และสิ่งที่สำคัญคือการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) การที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ จึงน่าจะมีการการลงทุนทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศ ในพื้นที่แนวพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตลอดจนโครงการทางหลวงเอเชีย หรือระเบียงเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion) ที่เชื่อมโยงผ่านประเทศไทย ทั้งเส้นทางเหนือ-ใต้ และเส้นทางตะวันออก-ตะวันตก ซึ่งแนวพื้นที่ดังกล่าวจะมีแนวโน้มการเติบโตด้านอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างสูง จึงว่าเป็นโอกาสที่ดีของผู้ที่จะซื้อทรัพย์ NPA ของธนาคารที่ยังมีกระจายอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นกังวลคือ ปัจจัยการเมืองภายในประเทศ ที่จะมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ทำให้ธนาคารได้ตั้งเป้ายอดขายในปี 2557 น่าจะขายทรัพย์ทุกประเภทได้ในระดับ 8,000 – 10,000 ล้านบาท


 ** NPA ย่อมาจาก (Non-Performing Asset) ทรัพย์สินด้อยคุณภาพ **
NPA คือ ทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทรัพย์สินที่ซื้อมาในราคาสูงกว่าความเป็นจริง ทรัพย์สิน ที่ลูกหนี้มีปัญหาได้ตีโอนชำระหนี้แก่ สถาบันการเงิน (หลุดจำนอง) หรือ ทรัพย์ที่ได้จากการซื้อทอดตลาดมาจากลูกหนี้ที่สถาบันการเงินนั้นฟ้องและ บังคับคดี ซึ่ง ในทางบัญชีจะบันทึกเป็น "ทรัพย์สินรอการขาย"
ธนาคาร , บริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือ สถาบันการเงินอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จะจัดการกับ NPA โดยการทำการตลาดและขายให้แก่ผู้ที่สนใจต่อไป






กูรูฟันธงอสังหาปีมะเมีย ตลาดฝืด-แบงก์เข้มกู้ซื้อบ้าน

รายงานพิเศษ
ทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไม่ว่า ประเทศไหนๆ เป็นดัชนีสำคัญที่ชี้นำการเติบโตของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ในปี 2557 ซึ่งตรงกับปีมะเมีย ทิศทางของเศรษฐกิจไทย คงต้องเผชิญกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนในหลายๆ ด้าน
ส่วนมุมมองของผู้อยู่ในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มองปัจจัยเหล่านี้อย่างไร มาติดตามกัน

นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มองว่า ปัจจัยเสี่ยงของภาคอสังหา ริมทรัพย์ในปี 2557 คือการชะลอการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจภาพรวมและภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ข้อดีคือ จะทำให้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และผู้รับเหมาก่อสร้างไม่รุนแรงไปมากกว่านี้
สำหรับอัตราดอกเบี้ย ยังเป็นปัจจัยบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ และคาดการณ์ว่า ทิศ ทางการพัฒนาที่ดินของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ จะหันมาทำโครงการ แนวราบมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการเปิดการขายคอนโดมิเนียมในภาวะที่เศรษฐกิจผันผวน ซึ่งอาจกระทบต่อกระแสเงินสดไม่คล่องตัว

        เนื่องจากคอนโดมิเนียมกว่าจะรับรู้รายได้ก็เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จซึ่งต้องใช้เวลา 2-3 ปี ในขณะที่โครงการแนวราบ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ จะรับรู้รายได้เร็วกว่า
ขณะที่ นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ระบุว่าแนวโน้มสินเชื่อที่อยู่อาศัยปี 2557 คาดว่าจะเติบโต 9% จากปี 2556 ที่คาดว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้างจะอยู่ที่ 2.44 ล้านล้านบาท หรือเติบโตจากปีก่อนหน้า 9.5% โดยเป็นการเติบโตในอัตราที่ลดลง ซึ่งเป็นผลจากภาระหนี้ของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ทำให้ สินเชื่อที่อยู่อาศัยหดตัวลง

ส่วนในปี 2557 ปัจจัยเรื่องการเมือง และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ไม่ดีเท่าที่ควร อาจมีผลให้ในช่วงต้นปี ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อาจต้องเผชิญกับสถานการณ์ลูกค้าชะลอการโอนซื้อบ้าน เพื่อรอดูความชัดเจนของสถานการณ์การเมือง
ยิ่งกว่านั้นหากไม่มีการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 เกิดขึ้น อาจทำให้การเมืองเกิดความไม่สงบขึ้น และสถานการณ์ในประเทศไม่ปกติ ก็จะมีผลให้ในไตรมาส 1 สินเชื่อที่อยู่อาศัยจะชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด
แต่โดยภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2556 เติบโต 5-7% และในปี 2557 นี้จะมีการขยายตัวในลักษณะชะลอตัวลงเหลือ 5% โดยมีตลาดที่อยู่อาศัยต่างจังหวัดที่มีชุมชนเมืองเกิดใหม่กระจายทั่วไปเป็นแรงสนับสนุนให้ตลาดมีการเติบโตได้
ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงพยายามตรึงดอกเบี้ยต่ำที่ระดับ 2.25% ไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะถึงกลางปี หลังสถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีการกระเตื้องขึ้น ก็จะทำให้อัตราดอกเบี้ยค่อยๆ ปรับขึ้น แต่เชื่อว่าทางการไทยยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีแรกเพื่อให้เกิดการบริโภค ดังนั้นสิ่งที่ผู้กู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยจะต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในปี 2557 คือ เรื่องความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ เพราะถ้าสถานการณ์โดยรวม ไม่แจ่มใส จะทำให้ธนาคารพาณิชย์มีการ กลั่นกรองลูกค้ามากขึ้นกว่าปกติ

สิ่งที่ผู้บริโภคต้องเตรียมตัวคือ 
1.มีวินัยการเงิน 
2.แสดงแหล่งรายได้ชัดเจน สำหรับผู้มีอาชีพอิสระ หรืออาชีพค้าขาย โดยต้องพยายามเดินบัญชีในรูปของเงินฝากรายเดือน และที่สำคัญคือไม่ก่อหนี้อื่นๆ ซึ่งจะทำให้เพิ่มภาระค่าใช้จ่าย

ด้านนายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา กรุ๊ป จำกัด และอดีตนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่าถือเป็นเรื่องดีที่ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2557 ที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะตลาดคอนโด มิเนียม ซึ่งผู้ซื้อกลุ่มที่ 4 คือ กลุ่มเก็งกำไรจะหายไปจากตลาดแน่นอนในสภาวะที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง ถือเป็นเรื่องที่ดี

ส่วนอีก 3 กลุ่ม คือ 
1.กลุ่มผู้เริ่มมีครอบครัว 
2.กลุ่มซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2 และ 
3.กลุ่มซื้อเพื่อลงทุน ที่คาดว่าจะยังมีการซื้ออย่าง ต่อเนื่อง
นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าผลกระทบจากโครงการรถยนต์คันแรกที่ทำให้กำลังซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 2-5 ล้านบาท หายไปจากตลาดกว่า 1.2 ล้านราย หรือคิดเป็น 10 เท่าของยอดขายที่อยู่อาศัยต่อปี

นอกจากนี้ จำนวนผู้ซื้อรถยนต์ต้องใช้ระยะเวลาในการผ่อนส่งถึง 5 ปี บางส่วนอาจติดบัญชีดำหรือแบล็กลิสต์ จากการขาดส่งค่างวดเพราะผ่อนต่อไม่ไหว อีกทั้งในปี 2557 สภาพตลาดจะไม่ได้เป็นของผู้ซื้อหรือผู้ขายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยเฉพาะตลาดบ้านแนวราบ ที่ขณะนี้ไม่ได้อยู่ในภาวะที่มีปริมาณสินค้าในตลาดจำนวนมาก ดังนั้นผู้ซื้อก็ไม่ได้มีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันตลาดก็ไม่ได้เป็นของผู้ขาย เพราะสถานการณ์บ้านแนวราบในขณะนี้ไม่ได้อยู่ในภาวะที่ผู้บริโภคมีความต้องการสูงกว่าปริมาณสินค้าที่มีอยู่ หรือภาวะอันเดอร์ซัพพลาย เพราะฉะนั้นกลยุทธ์การตลาดของบริษัท จะให้น้ำหนักไปที่การเจรจาถึงความต้องการของลูกค้าแบบตัวต่อตัว เพื่อปิดการขาย สิ่งใดที่บริษัทให้ได้จะให้

สําหรับ นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าที่ผ่านมาประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์มาแล้ว 3 รอบ แต่ในขณะนี้ฐานะการเงินของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังมีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำ แต่บางบริษัทมีหนี้สินต่อทุนเกิน 2 เท่า และยิ่งสินค้าหลักคือคอนโดมิเนียม เป็นเรื่องที่ต้องระวัง เพราะในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดี และลูกค้าต้องมีการผ่อนดาวน์ในระยะ 2-3 ปี อีกทั้งยังเรียกเก็บเงินดาวน์ต่ำ ลูกค้าจะมีทางเลือก กรณีที่มองเห็นแล้วว่าไม่สามารถเก็งกำไรจากการขายเงินดาวน์ได้ หรือในตลาดมีคนอื่นขายถูกกว่า ลูกค้าจะเลือกทิ้งเงินดาวน์ 

          สุดท้ายผู้ประกอบการต้องแบกหนี้สูงขึ้นเรื่อยๆ จากการที่ลูกค้าไม่โอน ทำให้กำไรน้อยลง สถานการณ์จากนี้ไปการแข่งขันจะมากขึ้นเรื่อยๆ การกู้เงินเกินตัวจะมีความเสี่ยงสูงมาก
โดยสรุปแล้วปี 2557 หากผู้ที่มีความต้องการซื้อบ้าน แต่ถ้ายังไม่พร้อม ก็ไม่ต้องฝืน เพียงแต่ต้องยอมไปซื้อบ้านที่แพงขึ้นเมื่อพร้อม
และยังเชื่อว่าเมื่อตลาดไร้นักเก็งกำไร ก็จะไร้แรงกระตุ้นให้ราคาสินค้าในตลาดถีบตัวสูงเกินจริงไปได้มากเช่นกัน

ทั้งหมดนี้คือทัศนะของกูรูตัวจริงเสียงจริง
ที่มาชี้ทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2557
ที่มา :ข่าวสดออนไลน์ ,thanonline.com


ติดตามอัพเดท

ข่าวสารอสังหาริมทรัพย์ followers 

Facebook: facebook.com/homecondothailand

Instagram: @thailandhomecondo
Line: era4u
Twitter: @pawit15

PR ขาย คอนโด ลุมพินีเพลส LPN รามอินทรา-หลักสี่ ติดเซนทรัลพลาซ่า รามอินทรา


ขายคอนโด ลุมพินี เพลส LPN รามอินทรา-หลักสี่

 พื้นที่ 34 ตรม. ชั้น 6  


















ข้อมูลทรัพย์สิน : 
ประเภททรัพย์สิน :  คอนโดมิเนี่ยม 
โครงการ / หมู่บ้าน :  ลุมพินี เพลส รามอินทรา หลักสี่
ถนน รามอินทรา 
แขวง อนุสาวรีย์  เขต บางเขน   จังหวัด กรุงเทพมหานคร

ขนาดพื้นที่   34  ตารางเมตร
เนื้อที่ 0 ไร่  0 งาน  0 ตารางวา

รายละเอียดทรัพย์สิน : 
  • อาคารสูง 14 ชั้น   ขายห้องชั้น 6    อาคาร F   ห้องหันหน้าทิศตะวันออก
  • 1 ห้องนอน
  • 1 ห้องน้ำ
  • 1 ห้องครัว
  • 2 แอร์ 
  • สภาพใหม่พร้อมเข้าอยู่มีเฟอร์นิเจอร์ ที่นอน,ตู้เสื้อผ้า,ตู้เย็น,ชุดโซฟารับแขก,เครื่องทำน้ำอุ่น ตกแต่งฝาผนังด้วยวอล์เปเปอร์  ด้านหลังห้องนอน และห้องครัวมีระเบียง วิวมองเห็นห้างเซ็นทรัล ในโครงการมีสระว่ายน้ำ,ที่จอดรถ,ฟิตเนส,ซาวน่า,รปภ สาธารณูปโภคครบครัน
โซนทำเล/ที่ตั้ง 
  • โครงการติดถนนใหญ่รามอินทรา เพียง 200 ม.จากอนุสาวรีย์หลักสี่
  • ติดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รามอินทรา
  • ใกล้สนามกอล์ฟทหารบก,มหาวิทยาลัยเกริก,มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร
  • วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร
  • สามารถเดินทางไปถ.แจ้งวัฒนะได้สะดวก อนาคตรถไฟฟ้าสายสีชมพู 

ราคาขาย  ติดต่อสอบถาม
 **เรามีห้องให้เลือกอีกหลายห้อง**


PR ต้องการฝากขาย,บ้าน,ที่ดิน,คอนโด,ทาวน์เฮ้าส์
 095 864 6669  ภาวิช 
E-Mail : pawit15@hotmail.com
www.facebook.com/prrealestate9654