บริการรับฝากขาย-เช่าที่ดิน บ้าน คอนโด ทำโฆษณาให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โทร 094-6561965

“เพอร์เฟค” ปิดดีลขายที่ดินย่านบางนาให้เดอะมอลล์กว่า 1,000 ล้าน







ธีรธัชช์ สิงห์ณรงค์ธร


“เพอร์เฟค” จ่อปิดดีลขายที่ดิน 2 แปลงเกือบ 1,800 ล้านบาท ล่าสุด ปิดดีลขายที่ดินใกล้สี่แยกบางนามูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ให้กลุ่มเดอะมอลล์ ส่วนแปลงกรุงเทพกีฑา อยู่ระหว่างเจรจาคาดสรุปได้ภายในปีนี้ เผยเดินหน้าหา เช่นดังบริหาร “สกี รีสอร์ท” พร้อมหาคนซื้อระบุหากให้ราคาดีขายทันที รับการเมืองยืดเยื้อกระทบยอดขาย แต่เชื่อหลังรัฐประหารสถานการณ์ดีขึ้น

นายธีรธัชช์ สิงห์ณรงค์ธร ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มสนับสนุนสายงานลงทุนสัมพันธ์ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขายที่ดินแลนด์แบงก์ในกรุงเทพฯ 2 แปลง มูลค่ารวมกว่า 1,800 ล้านบาท เพื่อสร้างรายได้ให้แก่บริษัท และลดต้นทุนทางการเงินโดยตั้งเป้าขายให้ได้ภายในปีนี้ สำหรับที่ดินทั้ง 2 แปลง ได้แก่ ที่ดินขนาด 17 ไร่ บนถนนสุขุมวิท ในเบื้องต้นขายให้แก่กลุ่มเดอะมอลล์ เพื่อพัฒนาเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ มูลค่าขายกว่า 1,100 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติของคณะกรรมการบริษัท โดยคาดว่าจะสามารถประกาศอย่างเป็นทางการภายในเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนที่ดินย่านกรุงเทพกรีฑา เดิมมีแผนจะขายประมาณ 800 ล้านบาท แต่ได้ลดขนาดที่ดินลงเพื่อขายราคาถูกลงตามความต้องการของกลุ่มทุนที่เข้ามาเจรจาซื้อ โดยคาดว่าจะสามารถสรุปได้ในเร็วๆ นี้






ที่ดินบริเวณสี่แยกบางนาที่กลุ่มเดอะมอลลมีแผนจะสร้างเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่


นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาความคุ้มค่า และผลตอบแทนของโรงแรม สกี รีสอร์ท ที่ญี่ปุ่น ระหว่างการขายหรือเก็บไว้ดำเนินการเอง ซึ่งในระหว่างนี้บริษัทได้เดินหน้าปรับปรุง รวมถึงเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเจรจาเชนโรงแรมหรูเข้ามาบริหาร ซึ่งการเจรจาคืบหน้าไปกว่า 90% โดยมีการเซ็นเอ็มโอยูเรียบร้อยแล้ว ในขณะเดียวกัน บริษัทยังได้เปิดโอกาสให้นักลงทุนที่สนใจเข้ามาเจรจาซื้อโรงแรมด้วย หากให้ราคาเป็นที่น่าพอใจ หรือมากกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งเป็นต้นทุนที่ได้ลงทุนไป ก็พร้อมที่จะขายทุนที

นายธีรธัชธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับยอดขายในช่วงไตรมาส 1 จำนวน 2,825 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 16,000 ล้านบาท ถือว่าปรับลดลง อย่างไรก็ตาม ยอดขายได้ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 900 ล้านบาทในเดือนเมษายน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายเอาไว้ รวมถึงเป้ารับรู้รายได้ 15,000 ล้านบาทด้วย โดยมาจากปัจจัยด้านตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเชื่อว่าหลังการรัฐประหาร จะทำให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายบ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะฟื้นขึ้น เกิดการจับจ่ายใช้สอย หลังจากที่ปัญหาการเมืองได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างมาก




โครงการยูนิลอฟ เชียงใหม่


นอกจากนี้ บริษัทยังได้วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ 9 โครงการ มูลค่า 6,700 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้อย่างมาก อีกทั้งบริษัทยังมีสินค้าพร้อมขายถึง 5,233 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สามารถรับรู้รายได้ทันที จากเดิมที่บริษัทมีปัญหาเรื่องงานก่อสร้างคอนโดมิเนียมล่าช้าทำให้ไม่สามารถรับรู้รายได้ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้

“ปีนี้การผลักดันยอดขายให้เติบโตคงทำได้ยาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ และการเมืองไม่เอื้ออำนวย ดังนั้น บริษัทจะต้องหันมาลดต้นทุนการดำเนินงาน เช่น ลดงบโฆษณาจาก 3% ของยอดขาย เหลือ 2-2.5% รวมถึงต้นทุนบริหารการขาย ต้นทุนก่อสร้าง และต้นทุนต่างๆ เพื่อให้สามารถสร้างอัตรากำไรให้สูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4% จากเดิม 0.4%” นายธีรธัชธ์ กล่าว

เลื่อนขายกองทุนฯ “ยูนิลอฟ”


ส่วนการนำโครงการยูนิลอฟ ศาลายา และเชียงใหม่ ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์จับกลุ่มนักศึกษาทั้ง 2 โครงการ เดิมมีแผนจะนำเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้ได้เลื่อนแผนออกไปก่อน เนื่องจากการเปลี่ยนการเรียนการสอนให้ตรงกับกลุ่มประเทศใน AEC เป็นปีการศึกษาแรกทำให้นักศึกษาหยุดเรียนยาวถึง 6 เดือน

การปิดภาคเรียนดังกล่าวส่งผลต่ออัตราเข้าพักของโครงการทั้ง 2 แห่ง เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่โครงการทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ จากเดิมที่ตั้งเป้ามีอัตราการเข้าพัก 75% ภายในสิ้นปีนี้ แต่ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักของเชียงใหม่ 40% และศาลา 30% อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากเปิดการเรียนการสอนปกติจะมีอัตราการเข้าพักดีขึ้น



ที่มาบทความโดย © :www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000057687
PR : http://prrealestates.blogspot.com/2014/05/realestate-property-perfect.html

PR ขายบ้านเดี่ยว 76 ตรว. ม.มัณฑนา 1 ถ.ร่วมมิตรพัฒนา วัชรพล รามอินทรา สวยหรูพร้อมอยู่

ขายบ้านเดี่ยว  76 ตรว. มัณฑนา 1 วัชรพล-รามอินทรา





























สถานที่ตั้งทรัพย์สิน :
ประเภททรัพย์สิน
บ้านเดี่ยว 2 ชั้น
โครงการหมู่บ้าน
มัณฑนา โครงการ1 วัชรพล-รามอินทรา
ซอย / ถนน
ซ.2/1  ถ.ร่วมมิตรพัฒนาแยก10
แขวง/เขต
ท่าแร้ง  บางเขน
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
ขนาดและพื้นที่ :
ขนาด
    0  ตารางเมตร
เนื้อที่
     0  ไร่    0  งาน  76.3  ตารางวา
พื้นที่ใช้สอย :
ห้องนอน
 4 ห้อง
ห้องน้ำ
 4 ห้อง
ห้องรับแขก
 1 ห้อง
ห้องทานอาหาร
 1 ห้อง
ห้องเอนกประสงค์
 1 ห้อง
ห้องครัว
 1 ห้อง
ห้องแม่บ้าน
 0 ห้อง
เครื่องปรับอากาศ
 5 เครื่อง
ที่จอดรถ
 1 คัน

จุดเด่น / จุดสนใจ :

บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น สวยทันสมัยอย่างลงตัว ห้องน้ำส่วนตัวสวยหรูพร้อมอ่างอาบน้ำจากุซซี่ ห้องครัวตกแต่งบิวท์อิน ต่อเติมห้องส่วนตัวเพิ่มอีก 1ห้อง บรรยากาศของบ้านร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ ติดสปริงเกอร์รอบบ้านให้ความชุ่มชื่น ตกแต่งด้วยวัสดุเกรด A ทั้งหลัง โครงการเข้าซอยร่วมมิตรพัฒนาแยก10 มีโครงการหมู่บ้านใหญ่ๆ หลายโครงการ สาธารณูปโภคครบครัน อาทิ สนามแบด,รพ.สัตว์,ร้านทานอาหาร,ร.ร.อนุบาล,ร้านล้างรถ สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย

ทำเล : ถ.วัชรพล,รามอินทรา,สุขาภิบาล5,ทางด่วนวัชรพล

ตำแหน่ง Google : 13.862297,100.656993


สนใจสอบถามและนัดชมได้ที่ คุณภาวิช 094-656-1965  
Line: era4u 
pawit15@hotmail.com 

PR Real Estate  รับฝากขาย-เช่า ที่ดิน บ้าน คอนโด  
www.facebook.com/prrealestate9654



ยักษ์ใหญ่อสังหาแห่ปรับเพิ่มเงินดาวน์คอนโดแบงค์หวั่นหนี้เสีย


ซื้อคอนโดฯแจ็กพอต บริษัทพัฒนาที่ดินแห่ปรับเพิ่มสัดส่วนเงินดาวน์จากลูกค้าเท่าตัว จากเดิมเริ่ม 5% ของราคาห้องชุด เป็น 10-30% หลังแบงก์หวั่นหนี้เสีย สกรีนสินเชื่อเข้ม ส่งผลยอดไม่ได้รับอนุมัติวงเงินกู้พุ่งกระฉูด 5 บิ๊กอสังหาฯ "พฤกษา-แสนสิริ-แอล.พี.เอ็น.-คิวเฮ้าส์-เพอร์เฟค" เจอกระทบถ้วนหน้า พลิกสารพัดแผนช่วยแบ่งเบาภาระลูกค้า
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า ตลาดคอนโดมิเนียมที่มีปัจจัยลบรอบด้านอยู่แล้วกำลังเผชิญมรสุมระลอกใหม่ จากที่สถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าที่ยื่นขอสินเชื่อซื้อคอนโดฯ เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดหนี้เสียหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มขึ้น จากความเสี่ยงด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่มีเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับเพิ่มสัดส่วนเงินดาวน์ที่เรียกจากลูกค้าที่ซื้อคอนโดฯ ขณะที่ลูกค้าก็ต้องจ่ายเงินดาวน์มากขึ้นกว่าเดิม ส่งผลกระทบทำให้ตลาดคอนโดฯ ซึ่งปัจจุบันมีการแข่งขันกันรุนแรง และหลายทำเลปริมาณซัพพลายเริ่มล้นตลาดชะลอตัวเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากลูกค้าจำนวนมากยังมีรายได้ค่อนข้างจำกัด ไม่สามารถแบกรับภาระเงินดาวน์ที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นได้

หนี้เสียครัวเรือนสัญญาณเตือนภัย

จากการสำรวจพบว่าขณะนี้ผู้ประกอบการอสังหาฯเกือบทุกรายได้ปรับสัดส่วนเงินดาวน์ห้องชุดในโครงการคอนโดฯเพิ่มขึ้นแล้ว โดยทยอยปรับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน จากเดิมบางบริษัทกำหนดสัดส่วนเงินดาวน์ไม่ถึง 10% ของราคาห้องชุด ปรับเพิ่มเป็น 10-30% เพื่อลดความเสี่ยงลูกค้ากู้สถาบันการเงินไม่ผ่าน เนื่องจากสัดส่วนการไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หลังธนาคารเข้มงวดการปล่อยเงินกู้พื่อควบคุมหนี้เสีย ประกอบกับลูกค้าบางรายมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นจากการซื้อรถคันแรก และหนี้บัตรเครดิต ทำให้ธนาคารปฏิเสธปล่อยกู้หรือปล่อยกู้ไม่เต็มวงเงินที่ต้องการ เช่น เดิมลูกค้ามีภาระผ่อนดาวน์เพียง 10% และต้องการกู้ธนาคารส่วนที่เหลืออีก 90% แต่ได้รับอนุมัติเพียง 85%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่ธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เนื่องจากมีสัญญาณเตือนจากภาระหนี้สินต่อครัวเรือนเพิ่มขึ้นใกล้จะแตะ 80% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีพีดี) ขณะเดียวกัน เพื่อป้องกันความหละหลวม อย่างบางธนาคารก่อนหน้านี้ให้ผู้จัดการสาขามีอำนาจอนุมัติสินเชื่อทั้งหมดเอง แต่พบว่าผู้กู้บางรายมีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่าเกณฑ์เพียงแค่ 1-2 พันบาท ก็ยังได้รับอนุมัติสินเชื่อ จึงปรับเงื่อนไขหลักเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อโดยให้ส่งเข้าส่วนกลางทั้งหมด และใช้ระบบ "Loan Factoring" หรือคอมพิวเตอร์คำนวณ หากรายได้ต่อเดือนขาดไปเพียงเล็กน้อย ก็จะกู้ไม่ผ่านทันที

ส่วนที่คุมเข้มการอนุมัติสินเชื่อซื้อคอนโดฯ ก่อนที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ เป็นเพราะมองว่ามีความเสี่ยงมากกว่า ส่งผลกระทบผู้ซื้อคอนโดฯโดยตรง เพราะจะต้องมีเงินสำรองเตรียมไว้ผ่อนดาวน์เพิ่มขึ้น 

บิ๊กแบรนด์พลิกแผนรับ

ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯ โดยเฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกาศปรับขึ้นเงินดาวน์โครงการคอนโดฯ อาทิ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ปรับเพิ่มเงินดาวน์จาก 5-12% เป็น 10-12% กรณีซื้อคอนโดฯ ราคา 1 ล้านบาท เท่ากับผู้ซื้อต้องมีเงินดาวน์เริ่มต้นเพิ่มขึ้นจาก 5 หมื่นบาท เป็น 1 แสนบาท บมจ.แสนสิริ ปรับจาก 5% เป็น 12-30% กรณีซื้อคอนโดฯ 1 ล้านบาท ต้องดาวน์เริ่มต้นจาก 5 หมื่นบาท เพิ่มเป็น 1.2 แสน-3 แสนบาท 

บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ปรับจาก 8-15% เป็น 10-15% กรณีซื้อคอนโดฯ 1 ล้านบาท ต้องมีเงินดาวน์เริ่มต้นเพิ่มขึ้นจาก 8 หมื่นบาท เป็น 1 แสนบาท บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ปรับจาก 10% เป็น 15% กรณีซื้อคอนโดฯ 1 ล้านบาท ต้องดาวน์เพิ่มขึ้นจาก 1 แสนบาท เป็น 1.5 แสนบาท บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ หรือ "คิวเฮ้าส์" ปรับจาก 10% เป็น 15% เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แม้สัดส่วนเงินดาวน์จะเพิ่มขึ้น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า บางบริษัทใช้กลยุทธ์เก็บดาวน์ "งวดบอลลูน" โดยให้ลูกค้าโปะเงินดาวน์เฉพาะงวด เช่น ให้โปะดาวน์ 3-5 งวด ขณะที่การผ่อนดาวน์งวดแรก ๆ ยังเรียกเก็บเท่าเดิม ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าไม่ได้มีภาระเพิ่มขึ้นมากนัก 

คิวเฮ้าส์ สกรีนลูกค้าล่วงหน้า

นางสุวรรณา พุทธประสาท รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทได้ปรับขึ้นเงินดาวน์คอนโดฯ ทุกโครงการตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 ที่ผ่านมา โดยลูกค้าต้องจ่ายดาวน์เพิ่มจากเดิม 10% เป็น 15% เพื่อสกรีนว่าเป็นกลุ่มผู้ซื้อจริงที่มีเงินออมอยู่พอสมควร เพื่อลดความเสี่ยงกู้ไม่ผ่าน 

ขณะเดียวกัน ได้ปรับนโยบายการรับจองคอนโดฯ โดยประสานงานสถาบันการเงินทำพรีแอปพรูฟหรือตรวจสอบสถานะทางการเงินเพื่อคัดกรองลูกค้าก่อนรับจอง จากเดิมมีสัดส่วนลูกค้าคอนโดฯ กู้ไม่ผ่านประมาณ 10% ปัจจุบันลูกค้ากลุ่มนี้จะถูกสกรีนออกตั้งแต่ขั้นตอนตรวจสอบสถานะทางการเงิน และเมื่อถึงขั้นตอนขอสินเชื่อส่วนใหญ่จะกู้ผ่านทั้งหมด ส่วนลูกค้าเก่าที่วางเงินดาวน์ 10% หากกู้ไม่ผ่าน บริษัทจะช่วยแก้ปัญหา ได้แก่ 1) แนะนำให้หาผู้กู้ร่วม 2) เปลี่ยนยูนิตที่มีราคาถูกลง 

"ตอนนี้แบงก์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นมาก ยกตัวอย่างเกณฑ์การคำนวณความสามารถผ่อนเงินงวด เดิมผ่อนเงินงวดเดือนละ 7 พันบาท จะต้องมีรายได้ต่อเดือน 3 เท่า หรือ 2.1 หมื่นบาท แต่ปัจจุบันบางธนาคารปรับเกณฑ์รายได้ต่อเดือนเป็น 4 เท่า หรือต้องมีรายได้ต่อเดือน 2.8 หมื่นบาท" นางสุวรรณากล่าว

หนี้ผ่อนรถ-บัตรเครดที่กู้ไม่ผ่าน

แหล่งข่าวจาก บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาพบว่าอัตราลูกค้าคอนโดฯ กู้ไม่ผ่านเพิ่มขึ้นจาก 5-6% เป็น 10% ปัจจุบันยังทรงตัว ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่กู้ซื้อบ้าน-คอนโดฯ ราคาไม่เกิน 4 ล้านบาท เพราะมีภาระหนี้สินอื่นๆ เช่น บัตรเครดิต ค่าผ่อนรถ ฯลฯ 

ตั้งแต่ต้นปี 2557 สำหรับลูกค้าใหม่ บริษัทได้เรียกเก็บเงินดาวน์คอนโดฯ ที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จเพิ่มขึ้นจากเดิม 10% เป็น 15% น่าจะช่วยลดความเสี่ยงลูกค้ากู้ไม่ผ่านได้ เพราะสาเหตุหลักเกิดจากลูกค้ามีหนี้อื่น ๆ ที่ต้องผ่อนชำระรายเดือน เมื่อนำไปหักลบกับรายได้ต่อเดือนจึงไม่สามารถกู้แบงก์ได้ถึง 90% ตามที่ต้องการ ส่วนบ้านจัดสรรยังคงเงินดาวน์ไว้ที่ 7-8% เพราะมีระยะเวลาผ่อนดาวน์สั้นกว่าคอนโดฯ 

เช่นเดียวกับที่นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ ระบุว่า ในส่วนของแสนสิริได้เพิ่มสัดส่วนเงินดาวน์คอนโดฯ จากเดิมหากเป็นคอนโดฯ ราคายูนิตละกว่า 1 ล้านบาท จะเก็บดาวน์เริ่มต้น 5% ก็ปรับเป็นเริ่มต้นที่ 12% ลดความเสี่ยงลูกค้ากู้ไม่ผ่าน เนื่องจากเห็นสัญญาณธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น 

กู้ซื้อบ้าน-ทาวน์เฮาส์เจอหางเลข

ด้านนายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนาสิริ กรุ๊ป เปิดเผยว่า เริ่มเห็นสัญญาณลูกค้ากู้ไม่ผ่านมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะลูกค้าโครงการบ้านจัดสรรในต่างจังหวัด อย่างจังหวัดสกลนคร ซึ่งบริษัทเข้าไปพัฒนาโครงการสิริวิลเลจ สกลนคร-แอร์พอร์ต เป็นบ้านเดี่ยว-บ้านแฝดชั้นเดียว จำนวน 34 ยูนิต ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 1.79 ล้านบาท สัดส่วนกู้ไม่ผ่านสูงถึง 40% 

ส่วนในจังหวัดภูเก็ต มีโครงการอยู่ระหว่างเปิดขาย คือไพร์มเพลส เนรมิต-อนุสาวรีย์ 2 เป็นทาวน์โฮม 72 ยูนิต ราคาเฉลี่ยยูนิตละ 2.7 ล้านบาท และสิริวิลเลจ ภูเก็ต-อนุสาวรีย์ เป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และอาคารพาณิชย์ 72 ยูนิต ราคายูนิตละ 2.79-5.65 ล้านบาท ทั้ง 2 โครงการมีสัดส่วนกู้ไม่ผ่านเฉลี่ย 30% 

สำหรับลูกค้ากู้ไม่ผ่านส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ทำธุรกิจส่วนตัวหรืออาชีพอิสระ ปัญหาเกิดจากไม่ได้ฝากเงินเข้าบัญชีสม่ำเสมอ ทำให้ไม่สามารถแสดงที่มาของรายได้ บริษัทจึงแก้ปัญหาด้วยการประสานงานธนาคารส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูสถานที่ประกอบกิจการของลูกค้า เพื่อการันตีว่ามีแหล่งที่มาของรายได้จริง

ชี้กลุ่มดาวน์ต่ำไม่นิยมออมเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานคณะกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้ชี้ถึงแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ปี 2557 โดยแนะนำให้

ผู้ประกอบการระมัดระวังเรื่องอัตราหนี้เสีย ซึ่งเกิดจากลูกค้ากู้ไม่ผ่านจะสูงขึ้น เพราะธนาคารจะเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ที่น่าเป็นห่วงคือโครงการที่เก็บเงินดาวน์ต่ำ 5-10% ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง มีโอกาสสูงที่ธนาคารจะปฏิเสธไม่ปล่อยกู้โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพอิสระ เพราะคนที่ซื้อโครงการที่ให้วางเงินดาวน์ต่ำ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีนิสัยไมเก็บออมเงิน และมีแนวโน้มสูงที่ปัญหาการเงินและสภาพคล่องจะเป็นเรื่องใหญ่ของผู้ประกอบการอสังหาฯ ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์ยากขึ้น จากที่ธนาคารพิจารณาสินเชื่อเข้มงวด

ที่มาบทความโดย © : www.prachachat.net
PR : http://prrealestates.blogspot.com/2014/05/real-estate-thai-condo.html

PR ขายคอนโด ไลฟ์แอท รัชดา-ลาดพร้าว ( Life@ratchada )ใกล้ MRTลาดพร้าว ขายขาดทุน












สถานที่ตั้งทรัพย์สิน :
ประเภททรัพย์สิน
ห้องชุด (คอนโดมิเนี่ยม)
โครงการหมู่บ้าน
ไลฟ์ แอด รัชดา   (Life @ Ratchada)
ซอย / ถนน
ปากซอยลาดพร้าว36   ถ.ลาดพร้าว
แขวง/เขต
จันทรเกษม   จตุจักร   
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
ขนาดและพื้นที่ :
ขนาด
     82   ตารางเมตร
เนื้อที่
     0  ไร่    0  งาน   0  ตารางวา
รายละเอียด / จุดสนใจ

ขายห้องสวยชั้น 12 อาคาร B พร้อมชุดเฟอร์นิเจอร์ครบชุด สภาพห้องสวยและใหม่มากพร้อมเข้าอยู่ มี
·         2 ห้องนอน
·         2 ห้องน้ำ
·         1 ห้องรับแขก
·         1 ห้องครัว
·         4 แอร์
·         จอดรถได้ 2 คัน
·         อุปกรณ์ตกแต่งทุกชิ้นใช้วัสดุอย่างดี มีตู้เก็บหนังสือ ตู้โชว์ Built In ติดไฟดาวน์ไลท์ ตู้เก็บรองเท้ากับไอเดียตกแต่งเก๋ๆ ชุดโซฟาขนาดใหญ่ สุดคุ้ม !

สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการมี ฟิตเนส,สระว่ายน้ำ,ห้องซาวน่าแยก ญ,ช ร้านซักร้านรีด ที่จอดรถสะดวก มีรปภ.รักษาความปลอดภัย,แม่บ้านค่อยบริการดูแลรักษาความสะอาด


โซนทำเลที่ตั้ง
·         (ปากซอยลาดพร้าว36) โครงการติดถนนลาดพร้าว
·         ห่างจากสถานี MRT ลาดพร้าว เพียง 300 ม.
·         ใกล้แยกรัชดา-ลาดพร้าว,ห้างBigC Extra,
·         ห้างยูเนี่ยนมอลล์,เซ็นทรัลลาดพร้าว
·         ใกล้มหาลัยม.จันทรเกษม
·         การเดินทางสะดวกไปได้ทั้งเส้นถ.รัชดาภิเษก,ลาดพร้าว,พระราม9

ตำแหน่ง google :13.803705,100.57751

ราคาขาย  6,000,000.-  อัพเดทราคา !!
ต้องการขายบ้าน,ที่ดิน,คอนโด
 ติดต่อ   ภาวิช  ตะรุวรรณ  (เมย์)
PR RealEstate บริการรับ ฝากขาย-ฝากเช่า คอนโด บ้าน ที่ดิน 
โทร. 084 452 4528