บริการรับฝากขาย-เช่าที่ดิน บ้าน คอนโด ทำโฆษณาให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โทร 094-6561965

ประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต - คูคต สิ้นปี56

ประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-คูคต 2.6หมื่นล้าน



ครม.ปูไฟเขียวสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว "หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต" ระยะทาง 19 กิโลเมตร มูลค่ากว่า 5.8 หมื่นล้าน รฟม.แยก 5 สัญญา ปลายปีนี้ประกาศขายแบบงานโยธากว่า 2.9 หมื่นล้าน เผยราคาประเมินใหม่ดันค่าเวนคืนที่ดินพุ่ง 120% จาก 4 พันล้านกระฉูดเกิน 7 พันล้าน แจ็กพอตที่ดิน 262 แปลง สิ่งปลูกสร้าง 275 หลัง ได้ฤกษ์ตอกเข็มกลางปี"57 เปิดบริการกลางปี"61
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 ตุลาคม 2556 ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 19 กิโลเมตร เงินลงทุน 58,590 ล้านบาท ซึ่งใช้เงินลงทุนใน พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท หลังจากนี้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะดำเนินการเปิดประมูลก่อสร้างต่อไป โดยเป็นรูปแบบประมูลแบบนานาชาติ

แยกประมูล 5 สัญญา

นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการ รฟม. เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า รฟม.จำเป็นต้องเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติโครงการ เนื่องจากวงเงินค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประเมินไว้เมื่อปี 2551 เพื่อให้เป็นราคาปัจจุบัน สอดรับกับราคาประเมินที่ดินและวัสดุก่อสร้างที่ปรับสูงขึ้น รวมถึงได้ย้ายศูนย์ซ่อมบำรุงจากฐานทัพอากาศมาอยู่ที่ลำลูกกาคลอง 2 ทำให้วงเงินลงทุนทั้งโครงการเพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 40,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 58,590 ล้านบาท



ทั้งนี้ เมื่อมีมติ ครม.อนุมัติ เตรียมเสนอเรื่องให้คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.อนุมัติในเร็ว ๆ นี้ เพื่อเปิดประกาศประมูลก่อสร้างงานโยธา จำนวน 4 สัญญา จากทั้งโครงการแบ่งเป็น 5 สัญญา ได้แก่ งานโยธา 2 สัญญา วงเงิน 29,225 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.สัญญาช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ (รวมรื้อสะพานข้ามแยก 3 แห่ง) ระยะทาง 11.4 กิโลเมตร วงเงินกว่า 12,000 ล้านบาท

กับ 2.สัญญาช่วงสะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 7 กิโลเมตร วงเงิน 6,000-7,000 ล้านบาท, งานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดแล้วจร จำนวน 1 สัญญา, งานระบบรางทางวิ่ง จำนวน 1 สัญญา และงาน

เดินรถไฟฟ้า 1 สัญญา 

นายยงสิทธิ์กล่าวว่า โครงการนี้อยู่ใน พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจ้างที่ปรึกษา 1,703 ล้านบาท ค่าเวนคืนที่ดิน 7,606 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง 29,225 ล้านบาท และค่างานระบบรถไฟฟ้า 20,055 ล้านบาทสิ้นปีประมูลโยธา 3 หมื่นล้าน

"ตามขั้นตอนถ้าบอร์ดเห็นชอบจะประกาศเชิญชวนประมูลก่อสร้าง ตามแผนงานคาดว่าจะเริ่มกระบวนการได้ปลายปี 2556 ยื่นซองและเซ็นสัญญาก่อสร้างกลางปี 2557 พร้อมเริ่มกระบวนการจัดหาระบบรถไฟฟ้า และเปิดบริการเดือนมิถุนายน 2561"

นายยงสิทธิ์กล่าวต่อว่า สำหรับแนวเส้นทางโครงการจะก่อสร้างเป็นโครงสร้างยกระดับตลอดเส้นทาง มีจุดเริ่มต้นจากจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีหมอชิต ไปตามแนวถนนพหลโยธิน ข้ามทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ผ่านแยกรัชโยธิน แยก ม.เกษตรศาสตร์ ไปจนถึงบริเวณซอยพหลโยธิน 55

จากนั้นแนวเส้นทางจะเบี่ยงออกไป เลียบกับแนวถนนฝั่งซ้ายจนถึงอนุสาวรีย์บริเวณวงเวียนหลักสี่ แล้วเบี่ยงกลับมาแนวเกาะกลางถนนพหลโยธิน ผ่านหน้าตลาดยิ่งเจริญ เมื่อถึงประมาณกิโลเมตรที่ 25 ของถนนพหลโยธิน จะเบี่ยงไปทางทิศตะวันออก หรือด้านเหนือของพื้นที่ประตูกรุงเทพฯ เข้าถนนลำลูกกา ผ่านด้านข้างสถานีตำรวจภูธรคูคต ไปสิ้นสุดที่บริเวณคลอง 2 ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง

โดยจะมีศูนย์ซ่อมบำรุงเนื้อที่ประมาณ 130 ไร่ อาคารจอดแล้วจร 2 แห่ง บริเวณถนนพหลโยธินกิโลเมตรที่ 25 และคลอง 2 ซึ่งบริเวณศูนย์ซ่อมบำรุงนี้ ทาง รฟม.ร่วมกับการเคหะแห่งชาติ (กคช.) จะพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวรถไฟฟ้า

สำหรับสถานีมี 16 สถานี ประกอบด้วย 1.สถานีห้าแยกลาดพร้าว 2.สถานีพหลโยธิน 24 3.สถานีรัชโยธิน 4.สถานีเสนานิคม 5.สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 6.สถานีกรมป่าไม้ 7.สถานีบางบัว 8.สถานีกรมทหารราบที่ 11 9.สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ 10.สถานีอนุสาวรีย์หลักสี่ 11.สถานีสายหยุด 12.สถานีสะพานใหม่ 13.สถานีโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช 14.สถานีพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ 15.สถานี กม.25 และ 16.สถานีคูคต

ราคาใหม่ดันเวนคืนพุ่ง 120%

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยเพิ่มเติมว่า กรอบวงเงินลงทุนงานโยธาที่ ครม.อนุมัติเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา มีวงเงินรวม 38,165 ล้านบาท แยกเป็นค่าจัดกรรมสิทธิ์ 7,863 ล้านบาท ค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ 15 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง 1,062 ล้านบาท ค่างานโยธา 26,569 ล้านบาท และค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 2,656 ล้านบาท

โดยหลัก ๆ วงเงินที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ค่าเวนคืนที่ดิน เทียบจากฐานปี 2551-2552 อยู่ที่ 4,471 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 7,863 ล้านบาท เนื่องจากย้ายศูนย์ซ่อมบำรุงจากสนามบินดอนเมือง (พหลโยธิน 50) ไปอยู่ที่ลำลูกกาคลอง 2 และราคาประเมินรอบปี 2555-2558 ปรับขึ้น 120% หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากประมาณการราคาซื้อขาย

ส่วนการเวนคืนที่ดินพบว่า มีที่ดินต้องเวนคืนตามแนวเส้นทางคือ จุดขึ้น-ลงสถานี ศูนย์ซ่อมบำรุง และอาคารจอดแล้วจร รวม 262 แปลง รวมเป็นอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่ต้องรื้อถอนประมาณ 275 หลัง

ขณะที่ระบบรถไฟฟ้าจะเป็นรถเฮฟวี่เรลเหมือนที่วิ่งบริการปัจจุบัน วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในปีแรกเปิดให้บริการจะใช้รถไฟฟ้าจำนวน 17 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ คาดว่าจะมีผู้โดยสารอยู่ที่ 185,200 คน/วัน ค่าโดยสารเริ่มต้น 13 บาท จากนั้นจัดเก็บเพิ่มในอัตรากิโลเมตรละ 2 บาท




ครม.ไฟเขียว รฟม.เปิดประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม เชื่อมจากหมอชิต-คูคต 2.65 หมื่นล้าน คาดเปิดประมูล ธ.ค.นี้ ก่อสร้าง 4 ปี เปิดใช้ได้ มิ.ย. 61 ด้านคลังแนะเจรจา กทม.และ BTS เชื่อมต่อเดินทางจากหมอชิต และระบบตั๋วร่วม

นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (15 ต.ค.) มีมติเห็นชอบให้ รฟม.ดำเนินการก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 19.5 กิโลเมตร ในวงเงินค่างานก่อสร้างงานโยธา 26,569 ล้านบาท และค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด (Provision Sum) อีก 2,656 ล้านบาท โดยหลังจากนี้ รฟม.จะเร่งจัดทำเอกสารประกวดราคา และขั้นตอนการประกวดราคาจัดหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการ โดยคาดว่าจะเปิดประกวดราคาได้ประมาณเดือนธันวาคม 2556 และก่อสร้างในปี 2557 ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี

โดยแบ่งงานเป็น 4 สัญญา ประกอบด้วย 1. สัญญาก่อสร้างช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 12 กิโลเมตรวงเงิน 14,207 ล้านบาท 2. สัญญาก่อสร้งาช่วงสะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 7.5 กิโลเมตร วงเงิน 6,115 ล้านบาท 3. สัญญาก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงและพื้นที่จอดรถไฟฟ้า (Detpo)วงงิน 3,638 ล้านบาท และ 4. สัญญาระบบราง วงเงิน 2,609 ล้านบาท

ด้านนายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำนำสักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม.ยังได้อนุติให้รฟม.ยกเว้นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และให้เปิดประกวดราคาแบบนานาชาติ พร้อมให้ รฟม.จัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการวงเงิน 7,863 ล้านบาท และกรอบวงเงินค่าจ้างงานสำรวจอสังหาริมทรัพย์ 15 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังให้ว่าจ้างที่ปรึกษาบริหารควบคุมงานก่อสร้างงานโยธาในวงเงิน 1,062 ล้านบาทด้วย

โดยกระทรวงคมนาคมรายงานว่า การจัดหาเงินเพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าว ได้กำหนดอยู่ใน พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท คาดว่าหากเริ่มกระบวนการก่อสร้างในปี 57 จะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในเดือนมิถุนายน 2561 ขณะที่ผลการวิเคราะห์รายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กกวล.) เสร็จเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ จากการประมาณการจำนวนผู้โดยสารในปีที่จะเปิดให้บริการ โดยคิดอัตราแรกเข้าที่ 13 บาท และคิดอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นตามระยะทาง 2 บาทต่อกิโลเมตร จะมีผู้ใช้บริการ 185,000 คนต่อวัน มีอัตราค่าตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ 15.4% โดยเส้นทางการก่อสร้างรถไฟสายสีเขียวนั้น จะต่อเนื่องจากบีทีเอสสถานีหมอชิต ไปตามแนวถนนพหลโยธิน ข้ามทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ผ่ายแยกรัชโยธิน แยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไปจนถึงซอยพหลโยธิน 55 เบี่ยงไปเลียบถนนฝั่งซ้ายวงเวียนหลักสี่ กลับมาแนวเกาะกลางถนนพหลโยธิน ผ่านหน้าตลาดยิ่งเจริญ ผ่านสถานีตำรวจภูธรคูคต และสิ้นสุดที่บริเวณคลองสอง

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังให้ความเห็นว่า เส้นทางการก่อสร้างดังกล่าวเป็นส่วนต่อขยายของโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร หรือรถไฟฟ้า BTS โดยกระทรวงคมนาคมควรเร่งเจรจากับกรุงเทพมหานคร และมีบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ซึ่งเป็นผู้ลงทุน เพื่อกำหนดแนวทางการเชื่อมต่อการเดินรถ ทั้งโครงสร้างกายภาพและระบบตั๋วร่วม โครงสร้างอัตราค่าโดยสาร และส่วนแบ่งรายได้ขณะที่งานโยธา ค่ากรรมสิทธิ์ที่ดิน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องภาครัฐจะเป็นผู้รับภาระการลงทุนทั้งหมดด้วย


ขอขอบคุณแหล่งที่มาข่าว:
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000129519
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1382368152#

ขายบ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา เดินทางสะดวก ราคาสุดคุ้ม

(ขายแล้ว) ขายบ้านเดี่ยว 60.4 ตรว.

 มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 



ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

ขาย บ้านเดี่ยว มัณฑนา2 วัชรพล-รามอินทรา 

สถานที่ตั้งทรัพย์สิน :
ประเภททรัพย์สิน
บ้านเดี่ยว 2 ชั้น
โครงการหมู่บ้าน
มัณฑนา โครงการ2
ซอย / ถนน
ร่วมมิตรพัฒนา แยก 10  (ห้าแยกวัชรพล)
แขวง/เขต
ท่าแร้ง  บางเขน
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
ขนาดและพื้นที่ :
ขนาด
     0   ตารางเมตร
เนื้อที่
     0  ไร่    0  งาน   60.4  ตารางวา
จุดเด่น / จุดสนใจ :

ภายในบ้าน  ชั้นที่ 1  มี ห้องรับแขกโล่งโปร่งสบาย 1ห้องครัวพร้อมเคาน์เตอร์ 1ห้องน้ำ  ห้องเก็บของใต้บันได (ต่อเติมห้องเอาไว้ทำงานหรือนั่งเล่นเพิ่ม 1ห้อง) มีเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง
               ชั้นที่ 2 มี 3ห้องนอน (1ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำในตัว และห้องแต่งตัวมีระเบียง) 1ห้องน้ำ เครื่องปรับอากาศทุกห้อง ทุกห้องนอนตกแต่งด้วยวอลล์เปเปอร์ ภายนอกมีสนามหญ้าให้ความเย็นสบายมีแม่บ้านคอยดูแล สามารถจอดรถได้ 2 คัน โครงการมี รปภ.ดูแลเข้มงวด

ทำเลที่ตั้ง ใกล้ห้าแยกถ.วัชรพล,ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ 


ราคาขาย   6,500,000.- เท่านั้น !! สุดคุ้ม


สนใจสอบถามเพิ่มเติม

ภาวิช (เมย์) ตะรุวรรณ  
บริการรับ ฝากขาย-ฝากเช่า คอนโด บ้าน ที่ดิน 
โทร. 0958646669
www.facebook.com/era4u



ระส่ำ ดัชนีชี้วัดอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 3 ลดฮวบ

อสังหาริมทรัพย์ ปี 2556


ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการไตรมาส3ลดลง-ความคาดหวัง

6เดือนข้างหน้าต่ำสุดในรอบ 5 ไตรมาส กังวลศก.ทรุด-การเมืองป่วน


ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ประจำไตรมาส 3 ปีนี้ นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นปัจจุบัน มีค่าเท่ากับ 52.5 ปรับตัวลดลงจากไตรมาส 2 ซึ่งดัชนีมีค่าเท่ากับ 54.7 แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งดัชนีมีค่าเท่ากับ 51.3

ค่าดัชนีไตรมาส 3 ปีนี้ สูงกว่า 50.0 แสดงว่าผู้ประกอบการยังมีความเห็นว่าภาวะตลาดยังดีอยู่ แต่ดัชนีปรับลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แสดงว่าผู้ประกอบการไม่มั่นใจมากเท่ากับไตรมาสก่อนหน้า โดยไตรมาส 3 ปีนี้ ผู้ประกอบการมีความกังวลใจด้านผลประกอบการ ยอดขาย การลงทุน การจ้างงาน อีกทั้งต้นทุนการประกอบการเพิ่มขึ้นจากราคาวัสดุ ปัจจัยเศรษฐกิจโดย

ภาพรวมที่มีสัญญาณชะลอตัว การเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้มีความกังวลต่อปัญหาอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้น อีกทั้งผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจในการซื้อที่อยู่อาศัยสำหรับดัชนี ความคาดหวังในอีก 6 เดือนข้างหน้า (Expectations INDEX) ประจำไตรมาส 3 ปีนี้มีค่าเท่ากับ 60.4 ปรับลดลงจากไตรมาสที่แล้ว ซึ่งมีค่าเท่ากับ 67.4 และลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2555 ซึ่งดัชนีมีค่าเท่ากับ 69.6

ค่าดัชนีความคาดหวังใน 6 เดือนข้าง (มองยาวไปถึงมี.ค. 2557 เทียบกับเดือนก.ย. 2556 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำรวจความเชื่อมั่น) ปรับลดลงจากไตรมาสที่แล้วเช่นกัน และเป็นค่าดัชนีต่ำที่สุดในรอบ 5 ไตรมาส โดยผู้ประกอบการมีความกังวลมากขึ้นต่ออนาคต ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สถานการณ์การเมืองที่ส่อเค้าความยุ่งยาก ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน การขาดแคลนแรงงานและผู้รับเหมา ราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มสูงส่งผลต่อธุระกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ บริษัทต่างๆที่รับฝากขายบ้าน รวมไปถึงบริษัทอสังหาขนาดใหญ่ในการตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการลงทุนสร้างโครงการ

ขณะที่ 2 บริษัทอสังหาริมทรัพย์เจ้าใหญ่ กลับสวนกระแสกำลังซื้อที่ชะลอตัว พลิกกลยุทธ์ผลักดันโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคาต่ำล้านบุกตลาด โดยเฉพาะ พฤกษา เรียลเอสเตท และ แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ที่ต่างช่วงชิงความได้เปรียบ เปิดตัวโครงการห่างกันไม่ถึงเดือน โดยใช้โมเดลเดียวกันทั้งระดับราคา และแผนผุดครบทั้ง 4 มุมเมือง

ล่าสุด นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมระดับล่างราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทว่า ยังขยายตัวต่อเนื่อง เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาทำตลาดมากขึ้น คาดจะผลักดันส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 7-8% คิดเป็นมูลค่าขาย 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่งอยู่ที่ 5% มูลค่าขาย 9,000 ล้านบาท และคาดปีหน้าตลาดคอนโดราคาต่ำล้านยังเติบโตต่อเนื่อง จึงคาดว่ามูลค่าขายจะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯ และปริมณฑล ปีนี้เติบโต 7% จากปีที่ผ่านมา 
หรือมีมูลค่ากว่า 335,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นสัดส่วน
คอนโดมิเนียม 58% หรือมูลค่า 194,300 ล้านบาท 
และปีหน้าคาดสัดส่วนคอนโดเพิ่มเป็น 60-70% 
เมื่อเทียบกับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์

สาเหตุที่ พฤกษา รุกตลาดคอนโดระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทว่า 
เป็นบิซิเนส โมเดล ซึ่งมุ่งขยายตลาดคอนโดให้ครอบคลุมทุกตลาด 
เพื่อชิงความเป็นเบอร์ 1 ตลาดคอนโดในไทยจากปัจจุบันที่เป็นเบอร์ 1 ของตลาดคอนโดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

"ตลาดคอนโดราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท มีคู่แข่งน้อยเพราะพัฒนายาก ต้องมีกำลังการผลิตที่มากพอ เพื่อให้คุ้มกับต้นทุน ซึ่งต้องมีระบบปฏิบัติการรองรับ ทั้งการตลาด การขาย เฉลี่ย 2 นาทีต่อยูนิต การก่อสร้าง การโอน และการบริหารชุมชน"

รักษาแชมป์-แย่งตลาดอพาร์ตเมนต์


ถ้าต้องการรักษาความเป็นเบอร์หนึ่ง ของตลาดต้องขยายเข้าไปในทุกตลาด ทุกเซ็กเมนท์ การทำตลาดคอนโดราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท เพื่อเข้ามาทดแทนตลาดเช่าอพาร์ตเมนต์ และตลาดทาวน์เฮ้าส์ ที่ไม่สามารถพัฒนาได้แล้ว เพราะต้นทุนราคาที่ดินและวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น และเป็นการรักษาฐานลูกค้าระดับล่างไว้ ตลาดนี้ยังมีความต้องการ 20,000 ยูนิตต่อปี แต่ที่ผ่านมาไม่มีสินค้าออกสู่ตลาด ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องไปเช่าอพาร์ตเมนต์แทน

แผนพัฒนาโครงการคอนโดระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทของพฤกษา จะไปยัง 4 มุมเมืองของกรุงเทพฯและปริมณฑล ในทำเลที่มีศักยภาพ ตามแนวรถไฟฟ้า โดยใช้แบรนด์ “พลัม คอนโด” ซึ่งจะเป็นเมืองคอนโด มียูนิตไม่ต่ำกว่า 2,000 ยูนิต อย่างไรก็ตามในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทเปิดโครงการภายใต้แบรนด์ พลัม คอนโด ไปแล้ว 3 โครงการ ในทำเลนวมินทร์ ลาดพร้าว 101 และบางแค แต่เป็นโครงการขนาดเล็ก จำนวน 500-700 ยูนิตต่อโครงการเท่านั้น

ราคาเริ่มต้น 6.9 แสนบาทต่อยูนิต


ล่าสุด ได้เปิดโครงการ "พลัม คอนโด พหลโยธิน 89" เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัทในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา บนพื้นที่ 100 ไร่ มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท 7,700 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 699,000 บาท ขนาดเนื้อที่ตั้งแต่ 22-28 ตร.ม. และได้เปิดขายอย่างไม่เป็นทางการช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมียอดขายแล้ว 3,300 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าขาย 2,700 ล้านบาท คาดก่อสร้างเสร็จต้นปี 2558

"คอนโดระดับล่าง แม้มีความต้องการมาก แต่ยอมรับว่ามีความเสี่ยงในการกู้สินเชื่อบ้าน พฤกษาจึงร่วมมือกับธนาคารต่างๆ เพื่อสร้างเครดิตให้ลูกค้า โดยลูกค้าต้องเปิดบัญชีเงินฝาก เท่ากับค่างวดที่ลูกค้าจ่ายทุกเดือน จนถึงวันโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับการอนุมัติสินเชื่อ"

ส่วนไตรมาส 4 ปีนี้ มีแผนพัฒนา พลัม คอนโด อีก 1-2 โครงการ มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท และปี 2557 มีแผนเพิ่มอีก 2 โครงการ ในโซนตะวันออก และตะวันตก รวมยูนิตมากกว่า 10,000 ยูนิต เป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาคอนโดทั้งปี 10-15 โครงการ มูลค่า 10,000 - 20,000 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการธุรกิจคอนโดของบริษัท 9 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายแล้ว 13,000 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 7,000 ล้านบาท คาดสิ้นปีจะมียอดขายรวม 15,000 ล้านบาท ส่วนยอดขายรวมทำได้แล้ว 30,000 ล้านบาท จากเป้าทั้งปีตั้งไว้ที่ 35,000 ล้านบาท คาดยอดขายทั้งปีจะมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้อยู่ที่ 40,000 ล้านบาท ส่วนรายได้จะมากกว่าเป้าตั้งไว้ที่ 34,000 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) ภายใน 3 ปีอีก 45,000 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดอสังหาฯ ปี 2557 จะเติบโตน้อยไม่เกิน 0-5% การพัฒนาโครงการในเมืองเริ่มอิ่มตัว ผู้ประกอบการหันไปพัฒนาตามหัวเมืองใหญ่ๆ ในต่างจังหวัดไปถึงหัวเมืองรองแล้วในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามการที่อสังหาฯเติบโตในระดับนี้ถือว่ามีเสถียรภาพมาก

ส่วนปัจจัยที่จะขับเคลื่อนให้ตลาดอสังหาฯขยายตัวได้ต่อไป คือการขยายตัวไปยังต่างจังหวัดทั้งหัวเมืองหลักและหัวเมืองรอง ส่วนเศรษฐกิจในภาพรวมเชื่อว่ายังมีปัจจัยเสี่ยง ซึ่งบริษัทหวังว่าภาครัฐจะมีมาตรการออกมากระตุ้น เช่น จากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาท

แอลพีเอ็น ชิงผุดคอนโดหมื่นยูนิต


ในช่วงปลายเดือนก.ย. ที่ผ่านมา บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ เปิดตัวโครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 มูลค่า 7,000 ล้านบาท เป็นการพัฒนาที่ดินขนาด 100 ไร่ ประกอบด้วยอาคารชุด 8 ชั้น 50 อาคาร เป็นห้องชุดกว่า 10,000 ยูนิต ขนาดห้องเล็กสุด 21.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 639,000 บาทต่อยูนิต โดยโครงการขนาดใหญ่เป็น 2 เท่าของโครงการที่เคยทำมา ซึ่งผู้บริหารแอลพีเอ็น มองว่า เป็นระดับราคาที่มีความต้องการในพื้นที่ค่อนข้างมาก

การประกาศแผนลงทุนในโซนเหนือของกรุงเทพฯ ย่านรังสิต มีการวิเคราะห์ว่า พื้นที่ดังกล่าว กำลังจะพัฒนาโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) รังสิต-บางซื่อ กลายเป็นแรงกระตุ้นการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยโซนทิศเหนือของกรุงเทพฯ เมื่อประมวลโครงการคอนโดโซนรังสิตที่เกิดขึ้นปีนี้ยังพบว่า มีโครงการผุดขึ้นกว่า 2.5 หมื่นยูนิต

เครดิต:bangkokbiznews.com

ขายที่ดิน ลาดพร้าว71 นาคนิวาส37 ซอย สหกรณ์4 ราคาถูกที่สุด

ขายที่ดิน ลาดพร้าว71 นาคนิวาส37 ซอย สหกรณ์4 

ขายที่ดิน ลาดพร้าว71 นาคนิวาส37 สหกรณ์4

ขายที่ดิน ลาดพร้าว71 นาคนิวาส37 สหกรณ์4

ขายที่ดิน ลาดพร้าว71 นาคนิวาส37 สหกรณ์4

ขายที่ดิน ลาดพร้าว71 นาคนิวาส37 สหกรณ์4

ขายที่ดิน ลาดพร้าว71 นาคนิวาส37 สหกรณ์4

ขายที่ดิน ลาดพร้าว71 นาคนิวาส37 สหกรณ์4

ขายที่ดิน ลาดพร้าว71 นาคนิวาส37 สหกรณ์4

ขายที่ดิน ลาดพร้าว71 นาคนิวาส37 สหกรณ์4

ขายที่ดิน ลาดพร้าว71 นาคนิวาส37 สหกรณ์4


สถานที่ตั้งทรัพย์สิน :
ประเภททรัพย์สิน
ที่ดิน
โครงการหมู่บ้าน
-
ซอย / ถนน
ลาดพร้าว  นาคนิวาส 37 แยก 4
เข้าซอย20 เมตร
แขวง/เขต
ลาดพร้าว / ลาดพร้าว
จังหวัด
กรุงเทพ
ขนาดและพื้นที่ :
ขนาด
 ตารางเมตร
เนื้อที่
     0  ไร่    0  งาน  100 ตรว.
พื้นที่ใช้สอย :
ห้องนอน
ห้อง
ห้องน้ำ
ห้อง
ห้องรับแขก
ห้อง
ห้องทานอาหาร
ห้อง
ห้องเอนกประสงค์
ห้อง
ห้องครัว
ห้อง
ห้องแม่บ้าน
ห้อง
เครื่องปรับอากาศ
เครื่อง
ที่จอดรถ
คัน
จุดเด่น / จุดสนใจ :


ขายที่ดิน 100 ตรว. ลาดพร้าว71 นาคนิวาส37 แยก4 เข้า ซอยเพียง50 เมตร ทำเล สวยเหมาะแก่การลงทุน ที่พัก อพาร์ทเม้นท์ หอพัก 


หน้ากว้าง 16 ลึก 25 การเดินทาง ถนนนาคนิวาส อยู่ใกล้ ถนนลาดพร้าว ถนนเรียบทางด่วน รามอินทรา ประดิษฐ์มนูญธรรม โชคชัย4 ถนนสังคมสงเคราะห์ ลาดพร้าว71


     ราคา ติดต่อสอบถาม
สนใจสอบถามเพิ่มเติม
 สอบถามบริการกู้แบงค์ ฟรี !บริการรับฝากขายที่ดิน
รับฝากขายบ้าน รับฝากเช่าคอนโด เช่าตึก เช่าอาคารพาณิชย์

PR Real Estate
รับฝากขายบ้านและที่ดิน ฟรี
095 864 6669

pawit15@hotmail.com
www.facebook.com/prrealestate9654
twitter.com/pawit15
Ig: @prrealestate