หลักฐานที่จะต้องนำไปให้ธนาคาร
ในการกู้เงินมีอะไรบ้าง ?
เอกสารการกู้ซื้อบ้าน |
จะต้องนำหลักฐานต่างๆต่อไปนี้ โดยครบถ้วน
1) หลักฐานประจำตัว ได้แก่
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- บัตรประจำตัว
- ทะเบียนสมรส หรือทะเบียนหย่า หรือใบมรณบัตร
- สำเนาเปลี่ยนชื่อ สกุล (ถ้ามี)
2) หลักฐานเกี่ยวกับรายได้ ได้แก่
- ผู้มีรายได้ประจำ
สมุดบัญชีงินฝากธนาคาร
- ผู้มีอาชีพอิสระ
บัญชีเงินฝาก พร้อม statement บัญชีเงินฝากกระแสรายวันย้อนหลัง 6 เดือน
หลักฐานรายได้หรือทรัพย์สินอื่นๆ
หลักฐานการซื้อขาย |
3) หลักฐานเกี่ยวกับหลักทรัพย์และการซื้อขาย
- สำเนาโฉนดที่ดิน หรือสำเนาหนังสือแสดงกรรมสิทธิห้องชุด
- แผนที่แสดงทำเลที่ตั้งของที่ดินหลักประกัน
- สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย หรือสัญญามัดจำ
- ถ้าเป็นการซื้อห้องชุด ต้องมีสำเนาหนังสือสำคัญการจดทะเบียนอาคารชุด รายละเอียดทรัพย์ส่วนบุคคล และทรัพย์ส่วนกลาง
กรณีขอกู้เพื่อการปลูกสร้างหรือต่อเติมอาคาร ต้องมี
- แบบก่อสร้างอาคาร
- หนังสืออนุญาตปลูกสร้างหรือต่อเติมอาคาร
- หนังสือสัญญาจ้างปลูกสร้างหรือต่อเติมอาคาร
- กรณีกู้เพื่อไถ่ถอนจำนอง ต้องมี
- statement การผ่อนชำระค่างวด ใน 6 เดือนสุดท้าย
สำคัญกรณีมีผู้กู้ร่วม
จะต้องมีหลักฐานส่วนตัว และหลักฐานรายได้ของผู้กู้ร่วมด้วยโดยปกติ ผู้ขอกู้จะต้องเตรียมหลักฐานต่างๆดังกล่าว โดยครบถ้วนในวันยื่นกู้หากไม่ครบ เจ้าหน้าที่อาจจะไม่รับเรื่อง หรืออาจรับเรื่องไว้และให้ผู้ขอกู้นำหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติม ซึ่งผู้ขอกู้ควรจะนำมาให้เจ้าหน้าที่ภายใน 3 วัน เพื่อจะไม่ทำให้การวิเคราะห์และอนุมัติกู้ล่าช้าออกไป
กู้ซื้อบ้าน |
เอกสารที่ต้องเตรียมในการกู้ซื้อบ้าน
- เอกสารส่วนตัว
- สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาบัตรข้าราชการ ( ทั้งผู้กู้และคู่สมรสของผู้กู้หลัก / ร่วม )
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ใบเปลี่ยนชื่อ – ชื่อสกุล( ทั้งผู้กู้และคู่สมรสของผู้กู้หลัก / ร่วม )
- กรณีสมรสจดทะเบียน : สำเนาทะเบียนสมรส กรณีสมรสไม่จดทะเบียน : หนังสือยืนยันสถานภาพการสมรส, สูติบัตรบุตร
- กรณีหม้าย : ใบสำคัญการหย่า, ใบมรณะบัตร หรือใบแจ้งความเลิกร้างกับคู่สมรส
- หลักฐานอื่นๆกรณีขอกู้เพื่อการปลูกสร้างหรือต่อเติมอาคาร ต้องมี
แบบก่อสร้างอาคาร
- หนังสืออนุญาตปลูกสร้างหรือต่อเติมอาคาร
- หนังสือสัญญาจ้างปลูกสร้างหรือต่อเติมอาคาร
- กรณีกู้เพื่อไถ่ถอนจำนอง ต้องมี
- สัญญากู้เงิน และสัญญาจำนองจากสถาบันการเงินเดิม
- statement การผ่อนชำระค่างวด ใน 6 เดือนสุดท้าย
สินเชื่อ k bank กสิกร |
กรณีมีผู้กู้ร่วม จะต้องมีหลักฐานส่วนตัว และหลักฐานรายได้ของผู้กู้ร่วมด้วยโดยปกติ ผู้ขอกู้จะต้องเตรียมหลักฐานต่างๆดังกล่าว โดยครบถ้วนในวันยื่นกู้หากไม่ครบ เจ้าหน้าที่อาจจะไม่รับเรื่อง หรืออาจรับเรื่องไว้และให้ผู้ขอกู้นำหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติม ซึ่งผู้ขอกู้ควรจะนำมาให้เจ้าหน้าที่ภายใน 3 วัน เพื่อจะไม่ทำให้
การวิเคราะห์และอนุมัติกู้ล่าช้าออกไป
เทคนิคเลือกธนาคาร เพื่อกู้เงินซื้อบ้าน
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้
- เรื่องค่าใช้จ่ายในการกู้
- ธนาคารใดยอมให้กู้และให้กู้ในเงื่อนไขใดบ้าง
ข้อควรระวัง : กว่าที่จะทราบว่าท่านได้รับการอนุมัติให้กู้หรือไม่ คุณต้องทำเรื่องยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารไปแล้วในระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นหากไม่ได้รับการอนุมัติให้กู้หรือได้วงเงินกู้น้อยกว่าที่มีเงิน ดาวน์ คุณอาจไม่สามารถซื้อบ้านที่ต้องการได้และถูกยึดเงินมัดจำหรือเงินจองได้ ดังนั้น ในการทำ "สัญญาจะซื้อจะขาย" ควรขอเวลาในการชำระเงินเพื่อซื้อ อย่างน้อย 2 ถึง 3 เดือน เพื่อให้มีโอกาสในการยื่นเรื่องกับธนาคารที่สอง หรือไม่ก็ควรยื่นเรื่องขอสินเชื่อไว้กับหลายๆ ธนาคารทีเดียวพร้อมกันแต่ทั้งนี้ ท่านอาจจะเสียค่าธรรมเนียมยื่นกู้หรือค่าประเมินมูลค่าหลักประกัน โดยรวมประมาณ 2 ถึง 4 พันบาทต่อธนาคารแต่ก็มีบางธนาคาร ซึ่งจะดูเรื่องการอนุมัติเงิน ก่อนว่า ให้หรือไม่ให้และให้เท่าใด แล้วจึงประเมินมูลค่าหลักประกัน คุณจึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ก่อนที่จะทราบว่า กู้ได้หรือไม่
การเลือกซื้อ บ้านมือสอง ที่ดี
เน้นคุณสมบัติ 3 ประการ
คือ ราคาถูก เพื่อนบ้านดี ทำเลเด่น
- ดูทำเล บ้านมือสอง เน้นพื้นที่ในย่านที่กำลังมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นหรือฟื้นฟูจากสภาพไม่น่าอยู่
- สำรวจสภาพแวดล้อม และเพื่อนบ้านโดยเข้าไปพูด คุยสำรวจสอบถามเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ในสภาพแวดล้อมควร เน้นเลือกแหล่งที่ยังคงเจริญต่อไป และมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่อชีวิตประจำวัน เช่น ใกล้โรงเรียน ศูนย์การค้า ตลาด และโรงพยาบาล ทั้งนี้ควรอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าน้ำจะต้องไม่ท่วมและไม่มีมลภาวะทางกลิ่น แสง และเสียง
- สภาพ บ้านมือสอง เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะมูลค่า บ้านมือสอง นอกจากจะขึ้นอยู่กับความต้องการและปริมาณสินค้าในตลาดแล้วยังขึ้นอยู่กับ ลักษณะตัว บ้านมือสอง เองด้วย ให้ท่านสำรวจและประเมินราคาทรัพย์สินด้วยตัวเอง เช่น ตรวจดูขนาดทรัพย์สินว่าเหมาะสมกับการใช้ประโยชน์หรือเปล่า สภาพทรัพย์สิน การปรับปรุงทรัพย์สิน และการจัดการทรัพย์สิน
- ซื้อ บ้านมือสอง ที่ราคาค่าเช่าต่ำกว่าราคาเช่าในท้องตลาด เพราะเราสามารถเพิ่มค่าเช่าได้
- เลือกซื้อ บ้านมือสอง ที่มีเงื่อนไขเงินกู้สนับสนุน เช่น อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด หรืออัตราดอกเบี้ย 0% เพราะผลประโยชน์เหล่านี้คือส่วนลดจากราคาซื้อ บ้านมือสอง นั่นเอง
- สอบถามเรื่องบริการชุมชน จากเพื่อนว่างานสารธาณูป โภคตลอดจนค่าใช้จ่ายส่วนกลางเป็นอย่างไร การดูแลรักษาสภาพโครงการสม่ำเสมอ และเหมาะสมหรือไม่
- ตรวจข้อมูลเกี่ยวกับการจำนอง บ้านมือสอง เดิมกับสถาบันการเงินให้ชัดเจนรวมถึงภารผูกพันและสัญญาเช่าเดิมที่มีอยู่กับ ผู้อาศัยในปัจจุบันเพระผู้ซื้ออาจมีปัญหาการส่งค่างวด หรือค่าบริหารทรัพย์สินส่วนกลางต้องคุยรายละเอียดในเงื่อนไขเหล่านี้ให้ ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
- ต้องคุยเรื่องค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนโอน บ้านมือสอง ที่จะซื้อ และภาษีให้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้รับภาระ
- เปรียบเทียบกับราคาประเมินบ้านที่มีอยู่แล้ว เช่น ราคาซื้อขาย บ้านมือสอง ที่คล้ายคลึงในบริเวณที่ใกล้เคียง ราคาประเมินของกรมที่ดิน ของธนาคาร และบริษัทประเมิน
- ต่อรองราคาให้ราคาต่ำมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไป ได้ การต่อรองราคาถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ต้องใช้เสมอ ก่อนที่จะทำสัญญาซื้อขายขั้นสุดท้าย ให้ระลึกไว้เสมอว่าเงินทุกบาทที่ท่านต่อรองซื้อได้ต่ำกว่าราคาเสนอขาย นั่นหมายถึงกำไรที่จะตกมาถึงท่านในที่สุดนั่นเอง
- ตรวจสอบและขอหลักฐานเก่าๆ ที่เป็นส่วนประกอบของสัญญาเดิมเอาไว้ เพราะเอกสารเหล่านี้มีผลในการบังคับให้เจ้าของโครงการต้องปฏิบัติตามที่ตกลง หรือสัญญาที่เคยระบุไว้
- การใช้บริการของบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ จัดเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเลือกซื้อ บ้านมือสอง อย่างชาญฉลาดทางหนึ่ง เพราะเป็นช่องทางที่ทำให้มี บ้านมือสอง มาให้เลือกมากขึ้น และยังมีโอกาสให้มีคำแนะนำและการช่วยเหลือในด้านต่างฯ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ บ้านมือสอง ด้วย เช่น การพาไปดูบ้าน การติดต่อสถาบันการเงิน การหาราคาประเมิน ซึ่งบริการเหล่านี้มักไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หรือหากเสียก็น้อยมาก